นาซา (NASA) และบลูออริจิน (Blue Origin) กำลังเตรียมพร้อมปล่อยภารกิจ ESCAPADE ของนาซา ในการส่งยานอวกาศฝาแฝดออกไปศึกษาปฏิกิริยาระหว่างลมสุริยะกับสนามแม่เหล็กบนดาวอังคาร ซึ่งจะขับดันด้วยจรวด New Glenn ของบลูออริจินที่จะถูกปล่อยสู่อวกาศเป็นครั้งแรก โดยตั้งเป้ากำหนดการปล่อยภารกิจไว้ไม่เกินวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม จากแท่นปล่อยจรวด Space Launch Complex 36 ที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา

ยานอวกาศ 2 ลำในภารกิจ ESCAPADE ได้รับการออกแบบและสร้างโดย Rocket Lab ซึ่งจะบินในวงโคจรของดาวอังคารคู่กัน เพื่อตรวจสอบว่าลมสุริยะมีปฏิกิริยากับสนามแม่เหล็กของดาวอังคารอย่างไร และปฏิกิริยานี้ขับเคลื่อนการหลุดออกจากชั้นบรรยากาศของดาวอังคารอย่างไร ทั้งนี้ยานทั้งสองได้ถูกส่งมอบไปยังอาคาร Astrotech Space Operations ของนาซาที่ฟลอริดา เพื่อเตรียมพร้อมเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา

จรวด New Glenn เป็นจรวดแบบนำกลับมาใช้ใหม่ที่มีขนาดใหญ่ สามารถบรรทุกน้ำหนักได้จำนวนมากระดับเดียวกับจรวด Falcon Heavy ของสเปซเอ็กซ์ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่เคยผ่านการบินทดสอบไปสู่วงโคจรบนอวกาศเลย โดยได้ประกาศเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2016 พร้อมเป้าหมายปล่อยเที่ยวบินแรกในปี 2020 แต่ในปี 2018 ได้เลื่อนภารกิจไปเป็นปี 2021 และต่อมาต้นปี 2021 ได้เลื่อนภารกิจเที่ยวบินแรกไปเป็นปลายปี 2022 เพราะหมดสัญญาการปล่อยภารกิจอวกาศรักษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ แต่ปี 2023 ได้มีการเร่งพัฒนาเพราะจำเป็นต้องรีบใช้ปล่อยดาวเทียม Kuiper ให้กับแอมะซอนให้ครบตามกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแล

ปัญหาหลักในความล่าช้าของจรวด New Glenn นั่นก็คือ เครื่องยนต์ BE-4 ซึ่งในปี 2023 การทดสอบจรวด Vulcan ของ ULA ที่ใช้เครื่องยนต์ BE-4 ได้เกิดการระเบิด และเมื่อ 30 มิถุนายน 2023 การทดสอบเครื่องยนต์ BE-4 ได้เกิดการระเบิดขึ้น แต่ต่อมาได้มีการพัฒนาแก้ไขจนเดือนมกราคม 2024 ULA สามารถปล่อยจรวด Vulcan ที่ใช้เครื่องยนต์ BE-4 ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก จึงสร้างความมั่นใจว่าบลูออริจินจะสามารถปล่อยจรวด New Glenn ครั้งแรกสำเร็จ และมีอีกหลายภารกิจที่รับงานไว้รออยู่ หนึ่งในนั้นก็คือการปล่อยเครือข่ายดาวเทียมในโครงการ Kuiper