กิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ได้ทำลายสิ่งมีชีวิตทั่วโลก โดยเฉลี่ย 60% ของ species ลดลงใน 4 ทศวรรษที่ผ่านมา อ้างอิงจากรายงานของ World Wildlife Fund (WWF)
Living Planet รายงานว่าสัตว์ป่าสูญพันธุ์เนื่องจากการสูญเสียที่อยู่อาศัย และความเสื่อมโทรมตลอดจนการใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่า มลพิษ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มากเกินไป นักวิจัยจาก WWF พบว่าการติดตามจำนวนสัตว์กว่า 4,000 ชนิด ได้แก่ เลี้ยงลูกด้วยนม นก ปลา สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ตั้งแต่ปี 1970-2014 การลดลงของจำนวนสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมของมนุษย์ทั้งสิ้น เนื่องจากอัตราการสูญพันธุ์ของสัตว์ในปัจจุบันอยู่ที่ 100 ถึง 1,000 เท่า ก่อนที่มนุษย์จะกลายมาเป็นอีก 1 ปัจจัยในการสูญพันธุ์ รายงานนี้เป็นเพียงสัญญาณเตือน ธรรมชาติจำเป็นต่อการมีชีวิตรอดของมนุษย์ ป่าไม้ มหาสมุทร แม่น้ำ และสัตว์ป่ายังคงมีแนวโน้มที่จะลดลงเรื่อยๆ Carter Roberts ประธานและ CEO ของ WWF-US กล่าว
ก่อนช่วงการขยายตัวของจำนวนประชากรในศตวรรษที่ 20 การบริโภคของมนุษย์มีขนาดน้อยกว่าอัตราการฟื้นฟูระบบนิเวศน์ แต่รายงานระบุว่าระบบนิเวศกำลังถูกทำลายไปอย่างรวดเร็ว โดยแนวปะการัง ที่ราบลุ่ม และป่าโกงกางล้วนลดพื้นที่ลงในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เราสูญเสียแนวปะการังน้ำตื้นไปกว่าครึ่ง ในขณะที่ 50 ปีที่ผ่านมาเราสูญเสียพื้นที่ป่าอะเมซอนไปกว่า 20% และนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เกิดจากฝีมือของมนุษย์
โลกกำลังสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ มนุษย์ทุกคนมีส่วนในการปล่อยคาร์บอน 100 พันล้านตันเข้าสู่ระบบนิเวศน์มาตลอด 10 ปี สะท้อนให้เห็นถึงรายงานสำคัญของสหประชาชาติที่ออกมาเตือนในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดการรบกวนต่อระบบนิเวศน์ และ สังคมมนุษย์ซึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และกว้างขวางในทุกด้านของสังคม
WWF เน้นย้ำถึงความจำเป็นในเรื่อง “ข้อตกลงธรรมชาติระดับโลก” คล้ายกับข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศของกรุงปารีส ซึ่งสามารถกำหนดเป้าหมายเพื่อดึงสายพันธุ์กลับคืนมาจากภาวะเสี่ยงการสูญพันธุ์
“เราเป็นคนรุ่นแรกที่มองเห็นภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดกับธรรมชาติและสถานการณ์ร้ายแรงที่เราเผชิญอยู่ และเราอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่สามารถทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้” รายงานกล่าว