เด็กชาวอิตาลีถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าเรียนจนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่า ได้รับการฉีดวัคซีนเบื้องต้นตามที่ควรจะได้รับ พร้อมทั้งเตรียมปรับผู้ปกครองเป็นเงิน $560 หากพบพวกเขาส่งเด็กที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข้าโรงเรียนอีกด้วย
กฏหมายใหม่นี้ถูกเรียกว่า Lorenzin law (ตั้งชื่อตามอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่นำกฏหมายนี้มาใช้) ตัวกฏหมายมีข้อบังคับว่าเด็กๆจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนขั้นพื้นฐาน รวมถึงโรคอีสุกอีใส โปลิโอ หัด และ คางทูม ก่อนที่จะเข้าโรงเรียน ส่วนเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี ที่ต้องเข้าสถานรับเลี้ยงเด็ก และโรงเรียนอนุบาลจะถูกยกเว้นจากข้อกฏหมายนี้
กฏหมายนี้ไม่ได้หมายความว่า ไม่อนุญาตให้เด็กๆที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนได้รับการศึกษา แต่กฏหมายนี้จะพุ่งเป้าไปที่การปรับผู้ปกครองที่ไม่ยอมให้เด็กฉีดวัคซีน ส่วนตัวเด็กจะได้รับการศึกษาปกติ และกระทรวงสาธารณสุขก็ได้กำหนดระยะเวลาการยื่นหลักฐานการฉีดวัคซีนดังกล่าวไปยังทุกภูมิภาคของอิตาลีโดยในแต่ละภาคส่วนก็จะมีวิธีการบริหารจัดการที่แตกต่างกันออกไป
จากกฏหมายดังกล่าวทำให้สื่อทราบว่ามีเด็กอีกหลายคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน อย่างเช่นใน Bologna ได้มีการส่งจดหมายไปยังผู้ปกครองของเด็ก 300 คน และพบว่าเด็ก 5,000 คนไม่มีเอกสารยีนยันการฉีดวัคซีน
และผลจากการออกกฏหมายนี้ทำให้จำนวนการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นจาก 80% เป็น 95% ซึ่งอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมการแพร่กระจายของโรคได้ตามองค์การอนามัยโลก เนื่องจากช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากระบวนการต่อต้านการฉีดวัคซีนส่งผลกระทบต่อการฉีดวัคซีนเป็นอย่างมาก มาตราการนี้จึงถือเป็นมาตราการตอบโต้ที่ดี ภายใต้การนำสิทธิพื้นฐานที่เด็กควรได้รับเข้าช่วยเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนมากขึ้น