หลังจากรัฐบาลสิงคโปร์เล็งเห็นถึงปัญหาการขยายตัวของประชากรที่เพิ่มมากขึ้น และด้วยข้อจำกัดทางภูมิประศาสตร์ทำให้รัฐบาลตัดสินใจขยายโครงสร้างเมืองลงใต้ดินเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
แผนพัฒนารูปแบบใหม่ของประเทศถูกนำเสนอโดย Urban Redevelopment Authority เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ซึ่งแผนนี้ได้ทำการอัปเดตเพิ่มเติมจากแผนเดิมในปี 2014 และคิดเผื่อถึงอนาคตภายใน 10-15 ปีข้างหน้าด้วย จากรายงานรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะ เพิ่มพื้นที่ให้แก่ประชาชน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง รัฐบาลจะย้ายอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค การขนส่ง และ โกดังต่างๆลงสู่ใต้ดิน
The Marina Bay เขตที่มีตึกระฟ้า ศูนย์รวมธุรกิจ สินเชื่อด้านการเงิน และเมืองขึ้นชื่อของสิงคโปร์เป็นหนึ่งในสามเขตใหญ่ที่รัฐบาลมีแผนจะขยายเมืองลงใต้ดิน เพื่อปรับปรุงให้มีการใช้พื้นที่ใต้ดินอย่างมีประสิทธิภาพ การวางผังเมืองได้อาศัยเทคโนโลยีแบบจำลองสามมิติเข้าช่วย เพื่อการจัดการที่เป็นระบบมากยิ่งขึ้น และหากการจัดการดังกล่าวเป็นผลดี โครงการนี้อาจแผ่ขยายออกไปยังเขตอื่นๆอีกด้วย
รัฐบาลคาดการณ์ว่าในปี 2030 จะมีประชากรทั้งสิ้น 6.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากในปี 1990 ที่มีประชากรเพียง 3.04 ล้านคนเท่านั้น จึงส่งผลกระทบไปยังที่อยู่อาศัยที่รัฐจำเป็นจะต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ควบคู่กับการขยายตัวของประชากร
แต่อย่างไรก็ตาม Yong Kwet Yew ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมโยธาจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์กล่าวว่า การวางผังเมืองดังกล่าวยังคงมีความเสี่ยง ด้วยข้อจำกัดที่มากมายของประเทศ รวมทั้งลักษณะทางธรณีวิทยา จึงอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งก่อสร้างบนพื้นดินและความปลอดภัยของประชาชนได้เช่นกัน