ในวันที่ 8 กันยายน 2563 ได้มีประกาศจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางถึงจำนวนการเสียชีวิตของประชากรกว่า 450 คน จาก 33 รัฐ รวมถึงหมู่เกาะเวอร์จินในสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นสองเท่าจากสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยสาเหตุการเสียชีวิตที่หลายคนไม่คาดคิดนั่นคือ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ เช่นเดียวกันกับรายงานจากเจ้าหน้าที่รัฐอินเดียนา ได้รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคปอดร้ายแรงนี้เพิ่มขึ้นอีก 1 ราย ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเพิ่มเป็น 3 รายทั่วประเทศ
การเสียชีวิตจากอาการดังกล่าวทำให้กระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งหาต้นเหตุของปัญหาและพวกเขาพบว่าสาเหตุของการเสียชีวิตดังกล่าว อาจมีความเกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า แต่นอกเหนือจากโรคปอดแล้ว สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยายังได้รวบรวมรายงานการเกิด อาการชักที่เกี่ยวข้องกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอีกด้วย
Robert Redfield ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะตรวจสอบและหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ประชาชนเกิดอาการป่วย ซึ่งข้อมูลที่เรามีทั้งหมดในตอนนี้ถูกวิเคราะห์อย่างละเอียดและทำให้เราสามารถเจาะหาสาเหตุได้ชัดเจนยิ่งขึ้น”อย่างไรก็ตาม สาเหตุของปัญหาดังกล่าวยังไม่ทราบแน่ชัด แต่นักวิจัยคาดว่าภาวะโรคปอดมาจากการได้รับสารเคมีมากกว่าการติดเชื้อ
กรมสุขภาพแห่งรัฐนิวยอร์กประกาศเมื่อวานนี้ว่าสารเคมีที่เรียกว่า วิตามินอีอะซิเตท (vitamin E acetate) กลายเป็นประเด็นหลักของการสืบสวนและพบได้ในสารที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบทั้งหมด แต่วิตามินอีอะซิเตทเป็นเพียงหนึ่งในความเป็นไปได้เท่านั้น เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งหาสาเหตุอย่างอื่นที่ทำให้เกิดโรคดังกล่าวต่อไป
หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ผู้เชี่ยวชาญต่างแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งนักวิจัยพบว่า 83% เป็นผู้ป่วยเพศชาย อายุเฉลี่ย 19 ปี โดย 84% ของผู้ปกครองระบุว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้มีการใช้สาร Tetrahydrocannabinol ก่อนจะมีอาการระบบทางเดินหายใจ ซึ่ง 94% ถูกนำส่งโรงพยาบาล และ 1 ในนั้นเสียชีวิต
อ้างอิง: The Verge
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส