เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้มีการใช้โดรนเข้าโจมตีโรงกลั่นน้ำมันที่สำคัญ 2 แห่งของบริษัท Aramco ของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย จุดแรก คือ ที่ Abqaiq ซึ่งเป็นโรงงานกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของ Aramco ต่อมามีการโจมตีครั้งที่สองที่บ่อน้ำมัน Khurais

จากนั้น Mike Pompeo รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกมาประณามการโจมตีว่ามาจากฝีมือของอิหร่านผ่าน Twitter

ล่าสุดโฆษกของกลุ่มกบฏ Houthi (มีถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่ราบของอิหร่านได้สู้รบกับรัฐบาลเยเมนและกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซาอุดิอาระเบีย) ได้ออกมาบอกกับ Al Masirah TV ช่องทีวีที่สนับสนุนโดย Houthi ว่าการโจมตีครั้งนี้ได้ใช้โดรนโจมตีถึง 10 ตัว และผู้ให้การร่วมมือในซาอุฯ จัดว่าเป็นปฏิบัติการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกองกำลัง Houthi และประกาศกร้าวว่าจะขยายขอบเขตเป้าหมายให้กว้างขึ้น

การโจมตีครั้งนี้ไม่มีการบาดเจ็บและมีผู้เสียชีวิต แต่ส่งผลให้มีการหยุดผลิตน้ำมันจากโรงกลั่นทั้งสองแห่ง ซึ่งเดิมทีโรงกลั่นทั้งสองมีกำลังการผลิตถึง 7% ของการผลิตทั่วโลก หากกำลังการผลิตลดลงจะส่งผลกระทบกับราคาน้ำมันโลกให้สูงขึ้น

ขณะนี้มีข้อสงสัยว่ากลุ่มกบฏ Houthi จะมีอาวุธระดับนี้มาจากไหน และสหรัฐอเมริกาก็ค่อนข้างจะชี้เป้าไปที่อิหร่านว่าให้การสนับสนุนหรือไม่ แต่อิหร่านได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้

เมื่อสืบค้น 10 ประเทศตัวพ่อแห่งเทคโนโลยีโดรน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ จีน อิสราเอล ปากีสถาน อิหร่าน อิรัก ไนจีเรีย โซมาเลีย และแอฟริกาใต้ (จาก Fortune.com) และการที่สหรัฐอเมริกาสนับสนุนซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นพันธมิตรฝ่ายรัฐบาลเยเมนที่ต่อสู้กับกลุ่มกบฏ Houthi ก็คงมีไม่กี่ประเทศที่เชื่อมโยงกัน แต่เพื่อความชัดเจนก็ขอให้เราติดตามรอดูกันอีกสักนิด ช่วงนี้อาจจะยังลับลวงพราง อีกไม่นานคงจะเห็นการเปิดหน้าสู้กันชัดเจนกว่านี้อย่างแน่นอน

อ้างอิง

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส