ภัยธรรมชาติที่รุนแรงที่สุดและส่งผลกระทบต่อเนื่องในทิศทางต่อสภาพแวดล้อมโลกอย่างมากในขณะนี้ก็คือ มหันตภัยไฟป่าออสเตรเลีย ที่กลืนกินผืนป่าไปแล้วกว่า 24 ล้านเอเคอร์ คร่าชีวิตมนุษย์ไปแล้ว 28 ชีวิต และสัตว์ป่ามากกว่าพันล้านชีวิต ทั่วโลกต่างช่วยระดมกำลังทหารเข้าไปช่วยดับไฟ และหลาย ๆ ก็ช่วยเรี่ยไรทุนทรัพย์ส่งไปช่วยสนับสนุนหน่วยดับเพลิงให้ควบคุมไฟป่าได้โดยเร็ว และแทบทุกคนต่างก็ช่วยภาวนาให้วิกฤตการณ์นี้ยุติโดยไว และขอให้สภาพผืนป่า และชีวิตสัตว์ได้กลับคืนสู่สภาพเดิมในเร็ววัน นั่นคือจินตนาการครับ ตื่น ๆ ครับ รับรู้สภาพความเป็นจริงร่วมกัน ว่ามันเลวร้ายกว่านั้นมาก
นักวิทยาศาสตร์ออกมายืนยันแล้วว่า จากนี้ไปมหัตภัยไฟป่าในระดับเทียบเท่าไฟป่าออสเตรเลีย จะเกิดขึ้นบ่อยจนเรารับรู้ข่าวสารจนเหมือนเป็นเรื่องปกติ เหตุจากภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ในทิศทางที่เลวร้าย
การเกิดขึ้นของ “ไฟป่าออสเตรเลีย” ในสายตาของนักวิทยาศาสตร์ จึงนับว่าไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เพราะเหล่านักวิทยาศาสตร์ได้รับรู้ถึงสัญญาณมหันตภัยนี้มาตั้งแต่ปี 2013 พวกเขาได้เผยแพร่ผลการศึกษาค้นคว้าออกมาเป็นบทความ 57 หน้าชื่อ Climate change increases the risk of wildfires ลงบนเว็บไซต์ ScienceBrief.com ไว้ในปีนั้น เนื้อหาใจความหลักของบทความนี้คือการชี้ให้เห็นถึง ผลร้ายจากฝีมือมนุษย์โลกที่ส่งผลกระทบต่อภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ซึ่งก่อให้เกิดไฟป่าได้ง่ายขึ้น ในบทความนี้ยังระบุอีกว่า ภาวะไฟป่าจะเกิดบ่อยครั้งขึ้นและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมยังอ้างอิงสถิติการเกิดไฟป่าย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 1979 มาจนถึงปี 2013 ปี ว่าโลกเราเกิดไฟป่าบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ และยังคงอยู่ในแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เหตุจากองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างเช่น อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ความชื้นในอากาศลดต่ำลง ฝนตกน้อยลง และกระแสลมที่เพิ่มกำลังแรงขึ้น ร่วมกันทำให้เกิดช่วงเวลาที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า ‘fire weather periods’ ที่จะกินระยะเวลาที่ยาวนานขึ้นในแต่ละปี นอกเหนือจากออสเตรเลียแล้ว ภูมิภาคที่มีอัตราความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่าสูงก็คือ อเมริกา, แคนาดา, ยุโรปตอนใต้, แอมะซอน และไซบีเรีย
ริชาร์ด เบ็ตต์ หัวหน้าศูนย์การศึกษาค้นคว้าผลกระทบต่อภาวะอากาศโลก Climate Impacts Research และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเขียนบทความนี้ ได้เผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมาว่า
“สภาพอากาศในออสเตรเลียช่วงนี้กำลังอยู่ในภาวะเลวร้าย แต่ปัญหาที่เกิดก็เป็นเรื่องที่เราคาดการณ์กันไว้แล้ว เหตุจากอุณหภูมิโลกเฉลี่ยแล้วสูงขึ้นถึง 3 องศา เหตุนี้ล่ะที่จะทำให้พวกคุณได้ย้อนคิดกันแล้วว่าผลเสียของ สภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง มันเลวร้ายและรุนแรงแค่ไหน”
ริชาร์ด เบ็ตต์ ยังเสริมในตอนท้ายอีกว่า เหตุที่ออสเตรเลียประสบเหตุไฟป่ารุนแรงกว่าที่อื่นก็เพราะ สภาพแวดล้อมของออสเตรเลียนั้นเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าได้ง่ายอยู่แล้ว เพราะในสภาวะโลกร้อนตอนนี้นั้น ประเทศออสเตรเลียจะร้อนกว่าพื้นที่อื่น ๆ เฉลี่ยแล้ว 1 องศาเซลเซียส เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมแล้ว
เป็นข่าวร้ายจริง ๆ นะครับ โทษใครได้ล่ะ เพราะต้นเหตุก็คือมนุษย์โลกนี้ล่ะ ตอนนี้ก็ได้แต่เห็นใจรุ่นลูกรุ่นหลานต่อจากเรานี้ล่ะ ที่จะต้องเผชิญกับสภาพอากาศโลกที่แย่กว่ารุ่นพ่อรุ่นแม่ ถึงจะห้ามวิกฤตที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ แต่เราช่วยกันชะลอได้ครับ อย่าเพียงแต่คิด ช่วยกันคนละไม้คนละมือเลยนะครับ