ปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ทะลุ 100,000 รายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศจีนจะเริ่มมีแนวโน้มลดลง แต่จำนวนผู้ติดเชื้อประเทศอื่น ๆ รอบโลกยังคงสูงขึ้นเรื่อย ๆ แล้วแต่ละประเทศมีวิธีการรับมืออย่างไร มาดูกัน
สหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อ Covid-19 ทั้งหมด 126 ราย เสียชีวิตแล้ว 9 ราย พื้นที่แพร่ระบาดหลักอยู่ที่ California และ Washington พื้นที่อื่น ๆ อย่างเช่น San Francisco และ Seattle ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งการประกาศภาวะฉุกเฉินทำให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ ได้นำทรัพยากรที่มีรวมถึงเงินทุนต่าง ๆ ออกมาใช้เพื่อรับมือหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินจริง ๆ ขึ้นมา
กองทัพสหรัฐกล่าวว่าห้องปฏิบัติการทางทหารกำลังพัฒนาวัคซีนในขณะที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) เพิ่งอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพใช้เครื่องช่วยหายใจที่หลากหลายมากขึ้น ส่วนหน้ากากอนามัยก็เริ่มของขาดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่สำคัญของสหรัฐอเมริกาคือเครื่องทดสอบ Covid-19 ที่ไม่เพียงพอ หน่วยงานสหรัฐฯ สามารถทดสอบได้เพียง 3,600 ชุดต่อวัน ในขณะที่ เกาหลีใต้และยุโรปสามารถตรวจสอบได้หลายพันชุดต่อวัน ทำให้สามารถคัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อได้ดีกว่า ทั้งนี้ FDA คาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะสามารถตรวจสอบเพิ่มจำนวนการตรวจสอบได้เป็นหลักล้านภายในสัปดาห์นี้ แถมยังมีปัญหาเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ที่ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก
ยุโรป อิตาลี และสหราชอาณาจักร
อิตาลีเป็นประเทศแรกของการแพร่ระบาด Covid-19 โดยตอนนี้ได้แพร่ระบาดไปทั่วยุโรปแล้ว ซึ่งสหภาพยุโรป (EU) ได้ยกระดับความเสี่ยงจากระดับปานกลางถึงระดับสูงโดยเตือนว่าทุกประเทศจำเป็นต้องเตรียมตัวรับมือกับการระบาดของโรค
ปัจจุบันอิตาลีมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 79 ราย และตอนเหนือของอิตาลีบางส่วนมีการปิดเมือง มีการกักกันประชาชนราว 100,000 คน โรงเรียนและพื้นที่สาธารณะเริ่มถูกปิด รวมถึงงานต่าง ๆ ก็ถูกยกเลิกเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด นอกจากนี้หน่วยงานอิตาลีแทบจะทำงานกันตลอดเวลาเพื่อตรวจสอบและรักษาผู้ป่วยที่ติดไวรัสโคโรนา รวมถึงร่วมมือกับ WHO และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหภาพยุโรป
นอกจากนี้ยังมีการปิดเส้นทางการเดินทางทางอากาศ (เครื่องบิน) ที่มายังอิตาลี แต่พรมแดนสหภาพยุโรปยังคงเปิดอยู่โดยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของสหภาพยุโรปเตือนว่าการปิดชายแดนจะเป็น “มาตรการที่ไม่เหมาะสมและไม่มีประสิทธิภาพ”
ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปได้รวมตัวกันเพื่อตอบสนองการประสานงานที่กว้างขึ้นด้วยหน่วยงานของสหภาพยุโรปที่ครอบคลุมการตอบสนองในด้านการแพทย์การเคลื่อนไหวและการเดินทางและผลกระทบทางเศรษฐกิจ ด้านสหราชอาณาจักรได้จัดทำ “แผนการ” ต่อต้านไวรัสและได้ทำการทดสอบไวรัสในห้องปฏิบัติการ 12 แห่งทั่วประเทศ เกือบ 14,000 คนได้รับการทดสอบทั่วทั้งสหราชอาณาจักร
เอเซีย
ประเทศที่น่าจับตามองมากเป็นพิเศษในแถบเอเซียคือ เกาหลีใต้ เป็นประเทศที่มีผู้ป่วยติดเชื้อ Covid-19 มากที่สุด รองจากประเทศจีนที่ 5,612 ราย ซึ่งการแพร่ระบาดนั้นมีความเกี่ยวโยงกับลัทธิภายในประเทศด้วย ประธานาธิบดี Moon Jae-in บอกกับสื่อว่าตอนนี้เกาหลีใต้กำลังอยู่ในช่วง “ทำสงครามกับไวรัส” รัฐบาลได้ทุ่มเงินกว่า 9,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3 แสนล้านบาทเพื่อแก้ปัญหาไวรัสรวมถึงการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ และยังมีการใช้มาตรการติดตามตัวหรือ GPS ในบุคคลที่ต้องกักบริเวณด้วย
ในเกาหลีใต้ ฮ่องกง และสิงคโปร์มีแคมเปญต่าง ๆ จำนวนมากเพื่อให้ข้อมูลและความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับมาตรการการป้องกันขั้นพื้นฐานที่สำคัญเช่นล้างมือ หรืออยู่ห่างจากฝูงชนและไม่แตะต้องใบหน้าของตัวเอง ในภาคเอกชนก็เริ่มให้พนักงานทำงานจากที่บ้านแทนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ได้ถูกยกเลิก เช่น Rugby Sevens Invitational ในญี่ปุ่นก็ถูกยกเลิกไปแล้ว
ที่น่ากังวลคงเป็นเรื่องของสเบียงที่หลาย ๆ ประเทศในตอนนี้อาหารเริ่มขาดแคลนแม้แต่ในร้านสะดวกซื้อเช่นออสเตรเลียเป็นต้น
อิหร่านและตะวันออกกลาง
อิหร่านเป็นประเทศแรกเริ่มในการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาหรือ Covid-19 ในโซนตะวันออกกลาง มีรายงานผู้ติดเชื้อทั้งหมด 2,300 ราย เสียชีวิตทั้งสิ้น 77 ราย โดยอิหร่านได้รวบรวมบุคลากรทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญกว่า 300,00 คนร่วมมือกับ WHO เพื่อรับมือกับปัญหาการแพร่ระบาดชองไวรัสภายในประเทศ อีกทั้งยังมีหน่วยงานภาครัฐที่คอยกักกันผู้ป่วยที่พยายามหนีออกจากเมือง Qom ด้วย
ในสองสัปดาห์ที่ผ่านมามีไวรัสแพร่กระจายไปยังประเทศอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง หลายประเทศได้ปิดพรมแดนกับอิหร่านรวมถึงจำกัดการเดินทางในขณะที่หลายประเทศรวมถึงกาตาร์, ตุรกี, และคูเวตได้สั่งอพยพประชาชนออกจากอิหร่าน
อิรักได้สั่งปิดโรงเรียน โรงหนัง คาเฟ่และพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ เป็นเวลาสองสัปดาห์และห้ามประชาชนจากการเดินทางไปยังประเทศที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสเช่นอิหร่าน คูเวตและบาห์เรน
แอฟริกาและละตินอเมริกา
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีการแพร่ระบาดในแอฟริกาและละตินอเมริกา แต่หลายประเทศในภูมิภาคเหล่านั้นรายงานผู้ป่วย Covid-19 คนแรกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่าน จึงมีประกาศให้เฝ้าระวังการแพร่เชื้อแล้ว ส่วนใน อียิปต์, แอลจีเรีย, ไนจีเรีย, เซเนกัล และ ตูนีเซียก็มีผู้ป่วยไวรัสโคโรนาแล้วเช่นเดียวกัน
สำหรับไนจีเรียนั่นมีความน่าเป็นห่วงเรื่องทรพยากร มีประชาชนเพียง 42% เท่านั้นที่สามารถใช้น้ำและสบู่ได้ ในขณะที่ 25% ของประชากรไม่สามารถเข้าถึงน้ำได้เลย
ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลกถูกส่งไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษและหน่วยงานดังกล่าวกำลังจัดหาอุปกรณ์การทดสอบในห้องปฏิบัติการในแอฟริกาห้องปฏิบัติการรีเอเจนต์สำหรับการวิเคราะห์ทางเคมีและการฝึกอบรมพนักงาน
ส่วนละตินอเมริกาและแคริบเบียน ได้รับการยืนยันผู้ป่วย Covid-19 แล้วได้แก่ในประเทศเม็กซิโก, อาร์เจนตินา, บราซิล, ชิลี, เอกวาดอร์และสาธารณรัฐโดมินิกัน ซึ่งเม็กซิโกก็ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว
อ้างอิง CNN
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส