องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศยกระดับ Covid-19 เป็นโรคระบาดใหญ่ในระดับสากล (Pandemic) แล้ว โดย ดร.เทดรอส แอดนาฮอม ประธานองค์การอนามัยโลก เล็งเห็นว่าจำนวนผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนมีอัตราเพิ่มขึ้นเป็น 13 เท่า ในช่วงเวลาแค่ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เทดรอส กล่าว่าเขา “รู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง” กับ “ท่าทีความเพิกเฉย” ในหลาย ๆ ประเทศขณะนี้
สถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ได้ขยายขอบเขตไปในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกไปพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะอิตาลีที่กำลังอยู่ในขั้นวิกฤต ร้านค้าต่าง ๆ ถูกทางการสั่งให้ปิดกิจการ ยกเว้นร้านขายยา นายกรัฐมนตรี จูเซ็ปเปอ คอนเต ออกคำสั่งเอง ให้ปิดร้านทำผม บาร์ ร้านอาหาร คาเฟ และขอความร่วมมือจากเจ้าของกิจการให้ปิดทำการในแผนกที่ไม่จำเป็น เพราะเขาไม่มั่นใจว่ามาตการเว้นระยะห่าง 1 เมตร ระหว่างบุคคลที่ออกคำสั่งไปก่อนหน้านั้นดูจะไม่ได้ผลที่น่าพอใจ คำสั่งปิดกิจการห้างร้านนี้จะมีไปจนถึง 25 มีนาคม ซึ่งจูเซ็ปเป เล็งเห็นว่าน่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
มาตการจากองค์การอนามัยโลก
ดร.เทดรอส กล่าวว่าการยกระดับ Covid-19 เป็น “โรคระบาดใหญ่ในระดับสากล” นั้นไม่มีผลต่อคำแนะนำในขั้นตอนปฏิบัติที่องค์การขอความร่วมมือไปในนานาประเทศก่อนหน้านี้ ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ขอความร่วมมือจากรัฐบาลในแต่ละประเทศให้ตื่นตัวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของ Covid-19 ในแนวทางที่ “เร่งด่วนและเฉียบขาด”
“หลาย ๆ ประเทศได้แสดงศักยภาพให้เห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถ ควบคุมและยับยั้งไวรัสตัวนี้ได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่กำลังต่อกรกับกับการแพร่ระบาดอยู่ขณะนี้ ผมมั่นใจว่าไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน สุดท้ายพวกเขาจะต้องเอาชนะมันได้”
ดร.เทดรอส ยังฝากข้อความถึงรัฐบาลในทุกประเทศว่า
“พยายามสร้างสมดุลในมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดนี้ ด้วยการลดระดับความวุ่นวายและต้องดำเนินการด้วยความเคารพสิทธิมนุษยชน เราต่างตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันเพื่อทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อให้เกิดความสงบสุขต่อผู้คนบนโลกนี้ มันต้องเป็นไปได้จริงอย่างแน่นอน”
ข้อเรียกร้องของ ดร.เทดรอส ได้รับการตอบรับด้วยดีจากหลาย ๆ ประเทศ ที่ประกาศบังคับใช้มาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของ Covid-19
- เดนมาร์ก : มีผู้ติดเชื้อแล้ว 514 คน เพื่อขึ้น 10 เท่าตัวตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการตาย เดนมาร์กประกาศปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัยมาตั้งแต่ศุกร์ที่แล้ว ข้าราชการทุกคนที่ไม่ได้ปฏิบัติงานในหน้าที่สำคัญก็ให้หยุดงาน รัฐบาลยังออกคำสั่งให้หยุดการจัดงานทุกกิจกรรมที่จะมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 100 คนขึ้นไป
- อินเดีย : ระงับวีซ่าเข้าประเทศ ไปจนถึง 15 เมษายน
- กัวเตมาเลา : ห้ามคนจากยุโรปเข้าประเทศมาตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ในประเทศที่ประสบปัญหา Covid-19 หนักสุดคือ อิหร่าน และ อิตาลี ในอิหร่าน ได้ปิดโรงเรียน ยิม พิพิธภัณฑ์ ไนต์คลับ และหลาย ๆ กิจการทั่วทั้งประเทศ มีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วมากกว่า 12,000 คน ตายแล้ว 827 คน ส่วนในอิตาลีมีผู้ติดเชื้ออาการหนักมากกว่า 900 คน
ไมเคิล ไรอัน หัวหน้าหน่วยฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลกกล่าวว่า
“ในอิหร่าน มีการยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการแล้ว 354 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 9,000 คน นี่เรียกได้ว่าอยู่ใน “สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง” องค์การอนามัยโลกได้จัดส่ง 40,000 ชุดตรวจมายังอิหร่าน แต่ก็ยังขาดแคลนเครื่องช่วยหายใจและถังออกซิเจนอยู่ดี อิหร่านและอิตาลียังอยู่ในช่วงวิกฤต ผมกังวลว่าอีกหลาย ๆ ประเทศอาจจะประสบสถานการณ์เช่นเดียวกันนี้ในเร็ววันนี้”
ที่เยอรมนีก็มีการตื่นตัวให้เห็นอย่างมาก นายกรัฐมนตรี แอนเจลา เมอร์เคิล เตือนประชาชนว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร 58 ล้านคน มีโอกาสติดเชื้อ Covid-19 แอนเจลา ยังกล่าวอีกว่า ในขณะนี้ยังไม่มีแนวทางรักษาที่ได้ผลแน่ชัด เราควรให้ความสำคัญไปที่การป้องกันและระงับการแพร่ระบาด “มันถึงเวลาแห่งชัยชนะแล้ว”
ศาสตราจารย์ อเล็กซานเดอร์ เคคูล ผู้เชี่ยวชาญไวรัสและอดีตที่ปรึกษารัฐบาล ได้ออกมาพูดถึงสถานการณ์นี้ว่า เขาเห็นว่าขณะนี้มีผู้ป่วยอาการหนักทั่วโลกมากถึง 40,000 รายแล้ว ส่วนในเยอรมนี ก็มีผู้ป่วยในสถานะที่น่าเป็นห่วงมากถึง 1,567 คน เพิ่มจากเดิมที่ 1,296 คน
ทำไมองค์การอนามัยโลกถึงยกระดับ Covid-19 ให้เป็น “โรคระบาดใหญ่”
การที่องค์การอนามัยโลกประกาศให้ Covid-19 เป็นโรคระบาดใหญ่นั้น ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เพราะขณะนี้ก็มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 100 ประเทศแล้ว และยังจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
องค์การอนามัยโลกยังย้ำอีกว่า การประกาศให้ Covid-19 ให้เป็น “โรคระบาดใหญ่” ไม่มีผลต่อมาตรการที่ประกาศมาก่อนหน้านี้ ด้วยสถานการณ์ขณะนี้ Covid-19 สมควรที่จะได้รับสถานะเป็นโรคระบาดใหญ่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถควบคุมมันได้
การประกาศนี้ก็เพื่อเรียกร้องให้นานาประเทศได้ร่วมมือกันจัดการกับวิกฤตการณ์นี้ อย่าย่อท้อไม่ว่าสถานการณ์มันจะแพร่ระบาดไปในระดับใด โดยเฉพาะประเทศที่ได้รับคำแนะนำในการดำเนินการไปแล้ว ก็ให้ยึดมั่นถือมั่นปฏิบัติเช่นนั้นต่อไป และอีกหลายประเทศก็ขอให้มีการตื่นตัวต่อสถานการณ์นี้เช่นกัน การใช้คำว่า “โรคระบาดใหญ่” หรือ Pandemic นี้ ก็เพื่อให้นานาประเทศได้ตื่นตัวต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดนี้มากขึ้น เพราะตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน มันเป็นความรับผิดชอบของทุกผู้ทุกคนที่จะหยุดยั้งเจ้าไวรัสนี้เสียที