วันที่ 2 กรกฎาคม 2020 ที่เมืองโตเกียวประเทศญี่ปุ่นเวลาในท้องถิ่นประมาณ 02:32 น. เหนือท้องฟ้าได้ปรากฏลูกไฟขนาดใหญ่พร้อมเสียงระเบิดที่ดังสนั่น ซึ่งมีกล้องได้จับภาพวิดีโอเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นนี้เอาไว้ได้ว่ามีวัตถุขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนที่ลงมาจากท้องฟ้าด้วยแสงสีเขียวและสีม่วง จากนั้นไม่กี่วินาทีแสงเหล่านั้นก็จางหายไป
คาดว่าน่าจะเป็นอุกกาบาตขนาดเล็กที่พุ่งลงมาชนกับชั้นบรรยากาศของโลกจนเกิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ ซึ่งได้มีสถานีตรวจสอบ Infrasound (คลื่นเสียงความถี่ต่ำที่มนุษย์ไม่สามารถได้ยิน) I45RU และ I44RU ตรวจพบเสียงที่ระยะทางประมาณ 1,100 กม. และ 2,300 กม. ตามลำดับ จากนั้นได้ใช้เทคนิคปรับแต่งสัญญาณล่าสุดโดยการวิเคราะห์ของ IDC ดังภาพในทวิตเตอร์
องค์การอุตุนิยมวิทยาระหว่างประเทศรายงานว่าเป็นอุกกาบาตที่ตกลงมาซึ่งสามารถมองเห็นได้จากพื้นที่ส่วนใหญ่ในภูมิภาคคันโตของญี่ปุ่น
สถานีแห่งหนึ่งขององค์การสนธิสัญญาป้องกันห้ามทดสอบนิวเคลียร์ (CTBTO) สามารถตรวจจับและคำนวณพลังงานของอุกกาบาตที่พุ่งเข้ามาได้เทียบเท่าวัตถุระเบิดชนิดทีเอ็นทีประมาณ 165 ตัน (150 เมตริกตัน) ด้วยความเร็ว 14 กิโลเมตร/วินาที และความหนาแน่น 3,000 กก./ ม3 มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.6 ม. และมวลประมาณ 1.8 ตัน (1.6 เมตริกตัน)
เหตุการณ์นี้ยังถือว่าเล็กน้อยกว่า 10 ถึง 20 เท่า เมื่อเทียบกับอุกกาบาตที่ระเบิดเหนือท้องฟ้าของรัสเซียเมื่อปี 2013 ที่แรงระเบิดทำให้มีผู้บาดเจ็บ 1,200 คน จากเศษกระจกบาดที่เกิดจากคลื่นกระแทกและมีอาคารจำนวนถึง 3,000 แห่งใน 6 เมืองใหญ่ได้รับความเสียหายจากการระเบิดและแรงกระแทก
ลูกไฟจากอุกกาบาตตกในครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่ไม่มีแรงระเบิดทำให้บ้านเรือนเสียหาย เพราะด้วยขนาดและความเร็วที่พุ่งตรงลงมา หากลงในเมืองใหญ่ก็สามารถสร้างความเสียหายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส