18 สิงหาคมที่ผ่านมา SpaceX ได้ปล่อยดาวเทียม Starlink ครั้งที่ 11 (V1.0 L10) จำนวน 58 ดวง พร้อมด้วยการขนส่งดาวเทียมสำรวจโลกในระยะไกลอีก 3 ดวง คือ SkySats 19-21 ของ Planet Labs ซึ่งนับว่าเป็นบริการขนส่งดาวเทียมเชิงพาณิชย์ครั้งที่ 3 ของ SpaceX ได้สำเร็จ
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา SpaceX ได้เลื่อนการปล่อยดาวเทียม Starlink ครั้งที่ 12 (V.10 L11) จำนวน 60 ดวงเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื่ออำนวยมาเป็นวันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน เวลา 5:46 a.m. PT (19:46 น. ในประเทศไทย) จาก Launch Complex 39-A ที่ศูนย์อวกาศเคนเนดี ตั้งอยู่ที่เกาะเมอร์ริตต์ รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา
หลังจากที่จรวด Folcon 9 ยกตัวออกจากแท่นปล่อยแล้วขับเคลื่อนไปสู่ท้องฟ้าได้ 8 นาที ส่วนของบูสเตอร์ท่อนแรกของจรวดได้บินกลับลงมาจอดบนโดรนชิป The Of Course I Still Love You ได้อย่างงดงามเช่นเคยเพื่อจะนำเอากลับมาใช้ใหม่ในครั้งต่อไป
หลังจากการปล่อยจรวดออกมาได้ 15 นาทีระบบได้นำส่งดาวเทียม Starlink ทั้ง 60 ดวงเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ SpaceX ได้อ้างถึงผลการทดสอบอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlink ว่ามีความหน่วงแฝงที่ต่ำเป็นพิเศษและให้ความเร็วในการดาวน์โหลดที่มากกว่า 100 mbps ถึงขนาดดูภาพยนตร์ HD หลาย ๆ เรื่องพร้อมกันได้อย่างสบายแถมยังมีแบนด์วิดท์เหลือให้ทำอย่างอื่นได้อีก
ปัจจุบัน SpaceX ได้ปล่อยดาวเทียม Starlink สู่วงโคจรแล้วมากกว่า 600 ดวง ซึ่งวางแผนว่าจะให้บริการในภาคเหนือของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา พร้อมปล่อยดาวเทียมเพิ่มมากกว่า 1,500 ดวงภายในปี 2020 อีกทั้งจะขยายไปสู่นานาชาติเกือบทั่วโลกในปี 2021 หรือ 2022 และมีเป้าหมายให้บริการบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมทั้งหมดถึง 42,000 ดวงที่ีครอบคลุมทั่วทั้งโลก
อย่างไรก็ตาม SpaceX ได้พบกับปัญหาที่นักดาราศาสตร์และนักดูดาวออกมาบ่นว่าการสะท้อนแสงของดาวเทียม Starlink มีผลกระทบต่อการสำรวจทางดาราศาสตร์ และพยายามแก้ไขโดยการใส่ที่บังแดดเพิ่มเข้าไป หรือเรียกว่าระบบ Sun Visor คาดว่าน่าจะช่วยลดผลกระทบลงได้บ้าง แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อการประชุม Satellite conference ในสหรัฐฯ ที่ผ่านมามีข้อเสนอแนะว่าควรลดหรือเลิกปล่อยดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO sat) อ้าว! แล้วอย่างนี้โครงการ Starlink จะได้ไปต่อหรือไม่ โปรดติดตามกันต่อไป
ที่มา : cnet และ Twitter : @SpaceX