SpaceX จะปล่อยภารกิจ Transporter-1 ซึ่งเป็นโครงการแชร์เที่ยวบินขนส่งดาวเทียมขนาดเล็ก (SmallSat) ที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากภารกิจครั้งนี้นอกจากจรวด Falcon 9 จะขนส่งดาวเทียมบรอดแบนด์ Starlink จำนวน 10 ดวง ซึ่งเป็นดาวเทียมของ SpaceX เองแล้ว ก็ยังมีดาวเทียมของเอกชนและรัฐบาลหลายประเทศรวมกันถึง 133 ดวงจึงรวมทั้งหมดเป็น 143 ดวง
(สถิติสูงสุดที่ได้ทำไว้โดย Northrop Grumman ในการปล่อยดาวเทียม 108 ดวงผ่านภารกิจ NG-10 Cygnus เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 ซึ่งถ้า SpaceX ทำภารกิจ Transporter-1 สำเร็จก็จะกลายเป็นสถิติใหม่ทันที)
ที่สำคัญดาวเทียม Starlink ทั้ง 10 ดวงในภารกิจนี้จะถูกปรับใช้ในวงโคจรเชิงขั้วเป็นครั้งแรก เพื่อช่วยให้ SpaceX สามารถให้บริการบรอดแบนด์คุณภาพสูงไปยังพื้นที่ห่างไกลที่สุดของอลาสก้าได้
เหมือนเช่นเคยภารกิจนี้ส่วนของบูสเตอร์ได้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่เป็นครั้งที่ 5 หลังผ่านภารกิจ Crew Dragon Demo 2 ทดสอบส่ง 2 นักบินอวกาศสหรัฐฯ ไปกลับสถานีอวกาศนานาชาติเมื่อเดือนพฤษภาคม, ภารกิจ ANASIS-II ส่งดาวเทียมสื่อสารทางทหารของเกาหลีใต้เมื่อเดือนกรกฎาคม, หนึ่งภารกิจของ Starlink v1 L12 เมื่อเดือนตุลาคม และภารกิจ CRS-21 เที่ยวบินแรกของ Cargo Dragon 2 ในการขนส่งเสบียงไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ
เมื่อปล่อยจรวด Falcon 9 ขึ้นไปสู่ท้องฟ้าแล้ว หลังจากที่บูสเตอร์แยกตัวออกจากจรวดท่อนที่ 2 บูสเตอร์ก็จะบินกลับลงมาจอดในแนวตั้งบนเรือโดรน Of Course I Still Love You ในมหาสมุทรแอตแลนติก
SpaceX จะปล่อยภารกิจ Transporter-1 จากฐานยิงจรวด Space Launch Complex 41 (SLC-41) ที่สถานีกองทัพอากาศ Cape Canaveral รัฐฟลอริดาในวันที่ 23 มกราคม เวลา 14:40 UTC (21:40 น. ในประเทศไทย)
*** อัปเดตล่าสุด SpaceX ได้เลื่อนภารกิจไปเป็นวันที่ 24 มกราคม เวลา 10:00 a.m. EST (22.00 น. ในประเทศไทย) เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ***
ที่มา : spacex
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส