วันนี้ (26 มกราคม 2021) ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ประกาศว่า ต้องการให้รถยนต์ของรัฐบาลกลาง (Federal Government) ที่ยังใช้น้ำมัน เปลี่ยนมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV: Electric Vehicle) ทั้งหมด โดยระบุว่าจะต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาด้วย โดยเป็นส่วนหนึ่งในนโยบาย “Buy American” ที่ประธานาธิบดีได้มีคำสั่งโดยตรง (Executive Order)
“หน่วยงานรัฐบาลกลางได้ครอบครองรถยนต์จำนวนมาก ซึ่งเราจะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา โดยฝีมือแรงงานชาวอเมริกัน”
ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักบริหารงานบริการทั่วไปของสหรัฐ (General Services Administration หรือ GSA) ได้ระบุว่า เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา รัฐบาลกลางได้มีรถยนต์เกือบ 650,000 คัน ซึ่งแยกออกมาได้ ดังนี้
- รถยนต์ของพลเรือน จำนวน 245,000 คัน
- รถยนต์สำหรับใช้ในการทหาร จำนวน 173,000 คัน
- รถยนต์สำหรับส่งไปรษณีย์ จำนวน 225,000 คัน
โดยรถยนต์ทั้งหมดมีระยะทางการเดินทางรวมกันทั้งสิ้น 4,500 ล้านไมล์ (ประมาณ 7,242 ล้านกิโลเมตร)
จากการประกาศข้างต้น ถือได้ว่าเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับบริษัทผลิตรถยนต์ไฟ้าในสหรัฐอเมริกาอย่าง Tesla, Rivian และ Lordstown รวมถึง Ford และ GM (General Motors) ที่ได้ลงทุนในธุรกิจผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไปอย่างมหาศาล
นอกจากนี้ นายโจ ไบเดน ยังได้ประกาศว่าจะสร้างระบบที่ให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้บริโภคที่เปลี่ยนจากรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมัน มาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย แต่ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายในส่วนนี้เพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี นโยบายทั้ง 2 อย่าง ดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ยังคงอยู่ในขั้นเริ่มแรก แต่ถ้าหากสามารถทำให้เป็นจริงได้ ก็จะเป็นการกระตุ้นการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐอเมริกาได้อย่างมหาศาลไปอีกหลายปี

ในปัจจุบัน ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นที่จับตามอง โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์มากมายพยายามพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของตนเองอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็น Ford ที่เล็งจะทุ่มงบราว 11,000 ล้านเหรียญ (ประมาณ 329,800 ล้านบาท) ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่าง Mustang Mach-E และรถกระบะไฟฟ้า F-150 ส่วน GM ก็จะลงทุน 27,000 ล้านเหรียญ (ประมาณ 809,600 ล้านบาท) ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติไปจนถึงปี 2025
ในขณะที่ Tesla มียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าประทับใจเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ Elon Musk (อีลอน มัสก์) ขึ้นแท่นเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วย

อย่างไรก็ดี นโยบายของนายโจ ไบเดนนั้น อาจมิได้เอื้อประโยชน์แก่ Tesla มากนัก (เนื่องจากเน้นจำหน่ายรถยนไฟฟ้าสุดหรูระดับพรีเมียม) แต่บริษัทที่น่าจะได้ประโยชน์อย่างสูงก็คือ Ford ที่เพิ่งเปิดตัวรถตู้ไฟฟ้าอย่าง Ford Transit และ GM ที่เพิ่งเปิดตัวบริษัท BrightDrop สำหรับผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนส่งสินค้าเป็นหลัก
ไม่เพียงแค่นั้น นโยบายดังกล่าวก็จะช่วยสร้างงานให้แก่ชาวอเมริกันตามที่นายโจ ไบเดน ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะสร้างงานในส่วนของยานยนต์ถึง 1 ล้านงาน เพื่อให้สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนรถยนไฟฟ้ารายใหญ่ของโลก
ข้อมูลอ้างอิง : theverge
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส