วันพุธที่ 26 พฤษภาคม สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ได้ปล่อยดาวเทียมบรอดแบนด์สตาร์ลิงก์ (Starlink) ไปสู่วงโคจรระดับต่ำของโลก (LEO) เพิ่มอีก 60 ดวง ในภารกิจ v1.0 L28 ด้วยจรวด Falcon9 จาก SLC-40 สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา เมื่อเวลา 2:59 p.m. EDT (ในประเทศไทยวันพฤหัสบดีเวลา 01:59 น.) ซึ่งทำให้สเปซเอ็กซ์มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโคจรรวมทั้งหมดที่ 1,638 ดวง พร้อมเชื่อมเครือข่ายบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมเฟสแรกที่ครอบคลุมได้ทั่วโลก
ภารกิจนี้จรวด Falcon 9 ใช้บูสเตอร์ B1063 ที่เป็นการบินครั้งที่ 2 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ผ่านภารกิจปล่อยดาวเทียม Sentinel 6A สำหรับวัดระดับน้ำทะเลทั่วโลกเมื่อพฤศจิกายน 2020 และสามารถบินกลับมาลงจอดได้สำเร็จ นับว่าเป็นการนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างคุ้มค่า
ต้นเดือนเมษายน Gwynne Shotwell ประธานของสเปซเอ็กซ์เผยว่าเมื่อเสร็จภารกิจ v1.0 L28 จะทำให้สเปซเอ็กซ์มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์ในวงโคจรมากกว่า 1,600 ดวง ซึ่งจะช่วยให้สามารถเปิดให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมที่ครอบคลุมได้ทั่วโลก
27 เมษายน คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ (FCC) ได้อนุมัติให้สเปซเอ็กซ์สามารถปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโคจรที่ต่ำกว่าเดิมจากระดับความสูง 1,110 – 1,325 กม. (ที่ได้อนุมัติไว้ตอนแรกในปี 2018 จำนวน 4,425 ดวง) เป็น 540 – 570 กม. ให้กับดาวเทียมชุดต่อไป 2,814 ดวง หลังจากที่สเปซเอ็กซ์จะปล่อยดาวเทียมชุดแรกได้ 1,584 ดวงที่ระดับ 550 กม.
สรุปง่าย ๆ ว่าตอนนี้สเปซเอ็กซ์จบภารกิจ v1.0 L28 ที่มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโคจร 1,638 ดวง ซึ่งเป็นเครือข่ายดาวเทียมเฟสแรกที่วงโคจรอยู่ในระดับความสูง 550 กม. ความโน้มเอียง 53.0 ° ที่สามารถให้บริการครอบคลุมได้ทั่วโลก จากนี้คาดว่าเฟสต่อไปสเปซเอ็กซ์จะปล่อยดาวเทียม 1,584 ดวงที่วงโคจรระดับความสูง 540 กม. ความโน้มเอียง 53.2 °, ดาวเทียม 720 ดวงที่วงโคจรระดับความสูง 570 กม. ความโน้มเอียง 70 ° และดาวเทียมอีก 520 ดวงที่วงโคจรระดับความสูง 570 กม. ความโน้มเอียง 70 °
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส