นักวิทยาศาสตร์เผยผลการศึกษาอย่างเป็นทางการผ่านเว็บไซต์ nature.com เมื่อปี 2013 ว่า แมวเหมียว สัตว์เลี้ยงแสนรักที่มนุษย์ทั่วโลกยอมปวารณาตนเป็นทาสกันนั้น เจ้าเหมียวนี่ล่ะคือสัตว์นักล่าที่เป็นภัยร้ายกาจที่สุด การศึกษานี้ทำการสำรวจเฉพาะในสหรัฐอเมริกาพบว่า เจ้าเหมียวนั้นเป็นภัยสูงสุดต่อสัตว์ในธรรมชาติ โดยเฉพาะเหล่าเหมียวจรนั้นสังหารนกได้ปีละ 1,400 – 3,700 ล้านตัว และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมพันธุ์ต่าง ๆ อีกปีละกว่า 6,900 – 20,700 ล้านตัว แต่ไม่ใช่แค่แมวจรเท่านั้น แมวมีเจ้าของก็มีส่วนด้วยเช่นกัน นักวิทยาศาสตร์จึงวอนขอให้เจ้าของเหมียวได้ช่วยกันระมัดระวังพฤติกรรมนักล่าของเจ้าเหมียวกันด้วย แม้ว่าเหมียวที่มีเจ้าของนั้นจะเกิดและเติบโตมาในบ้าน แต่แมวก็ยังมีสัญชาตญาณของความเป็นนักล่าอยู่ดี ถ้ามีการเลี้ยงแบบปล่อย เจ้าเหมียวก็จะลาดตระเวนไปละแวกบ้านแล้วก็ล่าสัตว์ที่อยู่ตามธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์ยังสรุปด้วยว่าเจ้าเหมียวทำให้สัตว์เล็กตามธรรมชาติสูญพันธุ์ไปแล้ว 33 สายพันธุ์

นักวิทยาศาสตร์ยังเผยอีกว่าในแต่ละปีสัตว์ตามธรรมชาติที่ปะปนอยู่ในพื้นที่เมืองนั้น ตายด้วยสาเหตุต่าง ๆ กันเช่น โดนรถชนบ้าง นกบินชนตึกรามบ้านช่องบ้าง โดนวางยาเบื่อบ้าง แต่ทั้งหมดทั้งหลายนั้น ก็ยังน้อยกว่าที่ตายด้วยกรงเล็บของเจ้าเหมียว

Shrew หรือ หนูผี เป็นสัตว์อีกสายพันธุ์ที่ตกเป็นเหยื่อของแมวจำนวนมาก

พอจะพิจารณาได้ว่า ศักยภาพในการล่าของเจ้าเหมียวนี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาต่างกังวลในเรื่องนี้กันอย่างมาก จึงมีการร่วมกันศึกษาในเรื่องนี้กันระหว่าง 2 สถาบันคือ สถาบันชีววิทยาอนุรักษ์สมิธโซเนียน (the Smithsonian Conservation Biology Institute) และ องค์การบริหารปลาและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐ (U.S. Fish and Wildlife Service) นักวิจัยจาก 2 สถาบันเผยว่าอัตราการล่าสัตว์ในธรรมชาติของเจ้าเหมียวนั้นสูงขึ้นมากจนน่าเป็นห่วง เพราะในช่วงระยะหลังนี้จำนวนนกที่ตายเพราะฝีมือแมวนั้นสูงขึ้นกว่าในอดีตกาลถึง 4 เท่าตัว ในจำนวนนกที่ตกเป็นเหยื่อของเหมียวนั้น หลายพันธุ์เป็นนกพื้นเมืองของสหรัฐฯ อย่างเช่น นกอเมริกันโรบิน ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงจะสูญพันธุ์ รวมไปถึง หนูผี (Shrew), หนูนา (Vole), กระรอก, กระต่าย ล้วนตกเป็นเหยื่อของแมวเหมียว

Dr.Pete Marra

ดร.พีต มาร์รา (Pete Marra) จากสถาบันชีววิทยาอนุรักษ์สมิธโซเนียน เผยว่าผลการศึกษาสรุปได้แน่ชัดว่า “แมวจัดเป็นภัยสูงสุดต่อสัตว์เล็ก ๆ ที่อยู่ตามธรรมชาติในสหรัฐฯ”
ทีมวิจัยยังร่วมกันเปิดเผยอีกว่า ‘เมวจร’ จะมีอัตราการสังหารสัตว์ตามธรรมชาติสูงกว่าแมวบ้านถึง 3 เท่า แต่จำนวนสัตว์ที่ถูกแมวบ้านสังหารไปก็ยังนับว่าเป็นจำนวนที่มากอยู่ดี จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เจ้าของแมวควรช่วยกันระมัดระวังควบคุม เพื่อลดจำนวนการตายของสัตว์เล็กตามธรรมชาติ

ปลอกคอที่มีกระดิ่ง จะช่วยลดอัตราการล่าของแมวได้

ดร.พีต มาร์รา ยังเผยต่ออีกว่า
“เราหวังเป็นอย่างยิ่งผลการศึกษาของเราที่เผยออกมาแล้วว่ามีสัตว์ตามธรรมชาติจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อของเหมียว จะช่วยโน้มน้าวความสนใจของเจ้าของแมวให้ช่วยกักบริเวณแมวไว้ในบ้าน และช่วยกระตุ้นความตื่นตัวของบรรดานักวิทยาศาตร์ ผู้ดูแลรักษาสัตว์ป่า และผู้มีอำนาจทั้งหลาย ให้ตระหนักถึงวิกฤตการณ์ของชีวิตสัตว์เล็กในธรรมชาติที่ถูกแมวสังหารไปแล้วเป็นจำนวนมาก”

ในการนี้ โฆษกของ ราชสมาคมป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ (RSPCA) ยังได้ให้คำแนะนำด้วยว่า ถ้าเจ้าของแมวจัดหาปลอกคอที่พอดีกับแมวแล้วคล้องกระดิ่งไว้ก็จะช่วยลดจำนวนสัตว์ที่ถูกแมวล่าลงได้ถึง 1 ใน 3 เลย

อ้างอิง