สำนักข่าว The Financial Times รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากอดีตพนักงานของ Virgin Hyperloop ว่าบริษัทได้มีการเลิกจ้างพนักงาน 111 ตำแหน่ง (เกือบครึ่งหนึ่ง) ซึ่งตัวแทนของบริษัทเผยว่าจะช่วยในการลดค่าใช้จ่าย และบริษัทกำลังปรับเปลี่ยนทิศทางมาให้บริการขนส่งสินค้าแทนผู้โดยสาร
Virgin Hyperloop เดิมชื่อว่า Hyperloop One เป็นบริษัทในเครือของ Virgin Group ที่ตั้งขึ้นในปี 2014 ในการพัฒนาต่อยอดระบบ Hyperloop เทคโนโลยี Open source ด้านการเดินทางรูปแบบใหม่ที่มีความเร็วสูงสุดถึง 700 ไมล์/ชม. (1,125 กม./ชม.) ออกแบบโดยทีมงานของเทสลาและสเปซเอ็กซ์ที่นำโดย อีลอน มัสก์ เมื่อปี 2013 ซึ่งมีหลายบริษัทนำไปพัฒนาเพื่อปรับใช้จริง และในปี 2017 บริษัท Virgin Hyperloop ได้ทดสอบระบบ Hyperloop เต็มรูปแบบสำเร็จครั้งแรกที่สถานที่ทดสอบในลาสเวกัสรัฐเนวาดาด้วยความเร็ว 240 ไมล์ต่อชั่วโมง
ตุลาคม 2020 Virgin Hyperloop มีแผนจะสร้างศูนย์ติดตามการทดสอบไฮเปอร์ลูปที่ West Virginia ที่แรกของสหรัฐฯ เพื่อใช้สำหรับเป็นสถานที่ในการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎระเบียบและความปลอดภัยที่เข้ามากำกับดูแลโดยรัฐบาลกลาง เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ก่อนที่จะนำไปสร้างระบบใช้งานจริงในวงกว้างต่อไป
ต่อมาเดือนพฤศจิกายน Virgin Hyperloop ได้ทดสอบกับผู้โดยสารมนุษย์เที่ยวแรกของโลกได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้มีเป้าหมายที่จะได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยภายในปี 2025 และเริ่มเปิดให้บริการในปี 2030
ตัวแทนของ Virgin Hyperloop เผยว่าการปลดพนักงานครั้งล่าสุดจะช่วยให้บริษัทคล่องตัวมากขึ้นและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนทิศทางไปขนส่งสินค้าแทนผู้โดยสารเกิดขึ้นจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดมาจากโควิด
DP World กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ของ UAE ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 76% ของ Virgin Hyperloop เผยว่ารัฐบาลซาอุดิอาระเบียให้ความสนใจในการขนส่งสินค้าบนเส้นทางที่เชื่อมเมืองท่าเจดดาห์กับเมืองหลวงริยาด และบริษัทกำลังหารือกับลูกค้า 15 รายในการขนส่งสินค้าที่จะพร้อมใช้งานใน 4 ปีและผลกำไรที่ได้จะนำมาสร้างรุ่นการขนส่งผู้โดยสารภายในสิ้นปี 2030
อีกทั้งในเมื่อมีลูกค้าสนใจใช้บริการขนส่งสินค้าก็ควรมุ่งเน้นในด้านนี้ก่อน ในขณะที่การขนส่งผู้โดยสารยังต้องพัฒนาอีกค่อนข้างไกล ซึ่งการขนส่งสินค้าสามารถดำเนินงานได้ง่ายขึ้น มีความเสี่ยงน้อยกว่าการให้บริการขนส่งผู้โดยสารและกระบวนการตรวจสอบโดยหน่วยงานกำกับดูแลก็น้อยลงด้วย
ที่มา : theverge
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส