เชื่อว่าตอนนี้หลายคนคงจะได้ดูซีรีส์ ‘Resident Evil’ บน ‘Netflix’ จบกันไปเกือบหมดแล้ว ซึ่งคงจะมีคนทั้งผิดหวังและโอเคกับเรื่องราวที่ในครั้งนี้ เหมือนกับที่ ‘Resident Evil’ ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ที่ก็มีหลายคนรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมกับคำว่า “แต่” ยกตัวอย่าง “ภาพยนตร์ ‘Resident Evil’ ทุกภาคที่ผ่าน ๆ มาก็ไม่ได้แย่นะ แต่จะให้ดีกว่านี้ถ้าไม่แปะชื่อ ‘Resident Evil’ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นหนังซอมบี้ขึ้นหิ้งได้เลย” เหมือนกับวงการเกมที่ทาง ‘Capcom’ เองก็พยายามดันเกมซีรีส์ลูกรักอย่าง ‘Resident Evil’ ไปเป็นเกมแนวต่าง ๆ ที่บางเกมนั้นก็เล่นสนุกไม่ได้น่าเกลียดอะไรเลย แต่มันมาผิดตรงที่ดันมาแปะชื่อ ‘Resident Evil’ พอเป็นแบบนั้นมันเลยทำให้เกมนี้ดูแย่ขึ้นมาทันที วันนี้เราเลยไปรวมเกม ‘Resident Evil’ ที่เล่นสนุกแต่ไม่น่าแปะชื่อ ‘Resident Evil’ มานำเสนอ จะมีเกมอะไรภาคไหนบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย
หมายเหตุ เนื้อหาในบทความเป็นเพียงความเห็นคนบางส่วน ไม่ใช่สิ่งที่จะมายืนยันว่าเกมนี้ดีไม่ดีขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคนเล่นเกมเป็นผู้ตัดสิน
Umbrella Corps
เริ่มต้นเกมแรกที่แม้จะไม่ได้แปะชื่อ ‘Resident Evil’ แบบเกมอื่น ๆ ในบทความนี้ แต่การใส่ชื่อ ‘Umbrella Corps’ ลงไปบนชื่อเกมก็เป็นการบ่งบอกแล้วว่าเกมนี้คือเกมในจักรวาลเดียวกับ ‘Resident Evil’ ที่บอกเล่าเรื่องราว 3 ปีหลังจากเหตุการณ์ ‘Resident Evil 6’ กับอีก 13 ปีหลังจากการล่มสลายของ ‘Umbrella Corporation’ องค์กรต่าง ๆ ที่เคยเป็นคู่แข่งของ ‘Umbrella’ จึงพยายามส่งคนมายังซากตึกของบริษัทร่มเพื่อเอาข้อมูลสิ่งต่าง ๆ ที่เหลืออยู่ โดยตัวเกมจะเป็นแนวแบ่งทีมเพื่อกำจัดอีกฝ่าย โดยมีซอมบี้ในฉากเป็นตัวขัดขวางเพิ่มที่ช่วยให้เกมน่าสนใจมากขึ้น แต่สุดท้ายเกมนี้ก็ถูกสาปส่งจากแฟน ๆ เกม ‘Resident Evil’ ด้วยความที่ตัวเกมเล่นไม่สนุก ความสมดุลตัวละครอาวุธต่าง ๆ ไปจนถึงฉากที่ทำออกมาได้ไม่ดีเหมือนรีบทำรีบขายลองผิดลองถูก ซึ่งถ้าเกมนี้จะไม่ใช้ชื่อเสียงและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวอะไรกับ ‘Resident Evil’ เป็นเกมชื่อใหม่ไปเลย ตัวเกมก็ไม่น่ารอด ถ้าทำเกมออกมาครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้ ซึ่งถ้า ‘Capcom’ เอามาปรับปรุงใหม่ใส่ระบบแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ให้ดี เกม ‘Umbrella Corps’ ก็น่าจะกู้คืนชื่อเสียงกลับมาได้ แต่เมื่อดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ (เกมถูกลอยแพ) คงพอคิดได้ว่าทาง ‘Capcom’ น่าจะไม่สนใจเกมนี้แล้ว ใครที่อยากลองก็ไปหามาเล่นได้เพราะตอนนี้เกมราคาถูกมาก ๆ ซื้อมาคงหาห้องนานหน่อยหรืออาจจะไม่มีคนเล่นแล้วก็ได้
Resident Evil Gaiden
สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนเกมซีรีส์ ‘Resident Evil’ อาจจะสงสัยว่าการสร้างเกมขึ้นมาแล้วแปะชื่อ ‘Resident Evil’ แล้วถูกแฟนเกมด่าว่าเกมนี้ดูไม่เป็น ‘Resident Evil’ มันดูจากตรงไหน เพราะความสนุกไม่สนุกก็ขึ้นอยู่กับเกมไม่ใช่หรือ แล้วอะไรคือสิ่งที่เรียกว่า ‘Resident Evil’ นั่นคือคำถามที่น่าสนใจ เพราะสำหรับเกม ‘Resident Evil’ จะต่างกับเกมอื่น ๆ ตรงที่เกมนี้จะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ที่ไม่ใช่แค่มีเนื้อเรื่องตัวละครหรือการโยงไปถึงภาคต่าง ๆ แต่มันคือกลิ่นอายบรรยากาศที่แฟนเกมนี้จะรับรู้ได้ ที่เราไม่สามารถอธิบายให้คนเข้าใจได้ เพราะขนาดผู้สร้างซีรีส์นี้อย่าง ‘Capcom’ ยังหลงทางอยู่นานกว่าจะหาจุดที่เรียกว่า ‘Resident Evil’ เจอ เหมือนกับเกม ‘Resident Evil Gaiden’ ที่ทำลงบนเครื่อง ‘Gameboy Color’ ในปี 2001 กับเรื่องราวของ ลีออน สกอต เคนเนดี (Leon Scott Kennedy) ที่มาสืบเรื่องราวบนเรือสำราญที่ผู้โดยสารเป็นซอมบี้ ที่ไม่ว่าจะดูมุมไหนมันก็คือการฝืนทำเพื่อเปิดตลาดเกมมือถือ ซึ่งถ้าถามว่าเกม ‘Resident Evil Gaiden’ นั้นดีไหม ก็ต้องบอกเลยว่าไม่แย่เมื่อเทียบกับตัวเครื่องเกมในยุคนั้น ที่เปลี่ยนระบบยิงปกติมาเป็นแบบเกมภาษาที่ทำออกมาได้ดี แต่มันจะดีกว่าถ้าไม่ใช้ชื่อ ‘Resident Evil’ ลองคิดดูว่าเกมนี้เป็นเกมใหม่ไปเลย ตัวเกมคงจะขายได้และไม่ถูกด่าแบบนี้แน่นอน เพราะทั้งระบบการเล่นเนื้อเรื่องการเล่นมันดูเหมาะเป็นเกมใหม่มากกว่า แต่เมื่อมันแปะชื่อ ‘Resident Evil’ แฟน ๆ จึงเกาหัวและพร้อมใจสาปส่งทันที ซึ่งน่าเสียดายมาก ๆ
Resident Evil Survivor
ถ้ามีการพูดถึงความผิดพลาดของ ‘Capcom’ ที่อยากเปิดตลาด ‘Resident Evil’ ไปยังเกมแนวอื่น ๆ จนสร้างความผิดหวังทั้งยอดขายและเสียงวิจารณ์ของแฟน ๆ เกม ‘Resident Evil Survivor’ ต้องติดอันดับด้วยทุกครั้ง เพราะไม่ว่าจะดูมุมไหนมันก็ยังไม่ถึงเวลาที่ทาง ‘Capcom’ จะทำเกมแนวยิงมุมมองบุคคลที่ 1 เพราะเมื่อปี 2000 เทคโนโลยีสร้างเกมในตอนนั้นยังเป็นแค่กราฟิกเหลี่ยม ๆ บนแผ่น ‘CD Rom’ ที่มีความไม่มากพอที่เหมาะจะทำเกมมุมมองบุคคลที่หนึ่งได้ดี แม้จะมีตัวควบคุมเป็นปืนออกมาก็ตาม แต่ตัวเกมก็ไม่เหมาะจะเอามาใช้กับซีรีส์ ‘Resident Evil’ เพราะแม้เราจะควบคุมตัวละครเดินไปมาในฉากได้ที่ดูแปลกกว่าเกมยิงในยุคนั้น แต่สิ่งที่ได้มาคือตัวซอมบี้หน้าตาซ้ำ ๆ กับฉากแคบ ๆ เดินวกไปวนมาที่จำเจ ซึ่งคนในยุคนั้นไปจนถึงยุคนี้ก็ชอบเกมยิงแบบเลื่อนกล้องไปเองแล้วเราแค่เล็งยิงแบบเกม ‘Time Crisis’ มากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเกมนี้ก็ไม่ผิดที่ใช้ระบบนี้ แต่มันมาผิดตรงที่เกมแปะชื่อ ‘Resident Evil’ ซึ่งแทนที่เกมนี้จะขายดีเพราะแปะชื่อเกม ‘Resident Evil’ มันกลับส่งผลตรงข้าม ซึ่งถ้าเปลี่ยนจากชื่อ ‘Resident Evil’ มาเป็นเกมยิงผีหัวใหม่มันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ เหมือนอย่างเกม ‘Dementium The Ward’ ที่เป็นมุมมองบุคคลที่ 1 เหมือนกันกราฟิกก็เหลี่ยม ๆ แถมลงบน ‘Nintendo DS’ อีก ตัวเกมยังเล่นสนุกและมีถึง 2 ภาค จึงพอสรุปได้ว่าเพราะชื่อ ‘Resident Evil’เป็นเหตุทำให้เกมนี้เจ๊งก็เป็นได้ (เป็นเพียงความเห็นของแฟน ‘Resident Evil’ บางส่วน)
Resident Evil Resistance
เมื่อพูดถึงชื่อเกม ‘Resident Evil Resistance’ เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้สึกหงุดหงิดว่าทำออกมาทำไมถ้าทำออกมาได้แค่นี้อย่าทำดีกว่า ซึ่งส่วนมากจะบ่นออกมาในทำนองเดียวกัน เพราะเกม ‘Resident Evil Resistance’ เอาจริง ๆ คือเกมที่เล่นได้สนุกเหมาะกับการเอามาเล่นกับเพื่อน ๆ มาก ๆ แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้ผิดพลาดจนไม่น่าให้อภัยคือระบบการเล่นที่ซ้ำซากจำเจ ที่เราจะได้รับบทเป็นตัวละครที่ต้องร่วมมือกันเอาตัวรอดในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีแค่การรวมกุญแจการทำลายบางอย่างเพื่อหนีออกมา ที่เล่นแรก ๆ อาจจะสนุกแต่เล่นไปบ่อย ๆ ก็เบื่อเพราะเกมมีแค่นี้จริง ๆ ยิ่งในอดีตเคยมีเกม ‘Resident Evil Outbreak’ ที่เป็นแนวเดียวกันกับ ‘Resident Evil Resistance’ แต่เกม ‘Resident Evil Outbreak’ จะมีฉากที่กว้างกว่าตัวละครอาชีพที่หลากหลาย แถมมีฉากหลายแบบให้อารมณ์เอาชีวิตรอดในโลกซอมบี้มาก ๆ ซึ่งแทนที่ทาง ‘Capcom’ จะทำเกมแบบนั้นออกมากลับลดขนาดลงจนเกมขาดความน่าสนใจ จนขนาดแฟน ๆ ‘Resident Evil’ พูดกันไว้ว่าแม้จะเปลี่ยนชื่อเกมไปเป็นแนวอื่นหรือแจกฟรีคนก็ไม่เล่นเพราะมันน่าเบื่อ ใครที่ไม่เคยเล่นก็ลองไปซื้อ ‘Resident Evil 3 Remake’ มาเล่นดูแล้วคุณจะเข้าใจ
Resident Evil 5
ถ้าไม่นับที่ยอดขายซึ่งเรียกว่าประสบความสำเร็จแบบ 100% เกม ‘Resident Evil 5’ คือเกมแอ็กชันที่เล่นสนุกที่ไม่มีใครเถียง แต่เมื่อเกมนี้มาแปะชื่อ ‘Resident Evil’ ที่ตัวเกมได้พัฒนาระบบมาจากเกม ‘Resident Evil 4’ ในหลาย ๆ ส่วนแต่ทาง ‘Capcom’ ก็ลืมคิดไปว่าสิ่งที่ ‘ Resident Evil 4’ มีแต่ ‘Resident Evil 5’ ขาดไปนั่นคือความสยองขวัญการลุ้นว่าตัวเองจะเอาชีวิตรอดจากศัตรูที่เราไม่รู้จักไหม ไม่ใช่ให้เราเล่นเป็นพี่กล้ามต่อยชาวบ้านผิวดำกระเด็นยิงสัตว์ประหลาดรัว ๆ แบบไม่กลัวตาย ที่ไม่มีความสยองเหลืออยู่เลย ในทางกลับกันถ้าเกมนี้เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนหน้าตัวละครเปลี่ยนเนื้อหาบางส่วนเป็นเกมใหม่ไปเลย เชื่อว่าเกมนี้ต้องเป็นหนึ่งในเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะด้วยความสนุกย่อยง่ายแค่วิ่ง ๆ ยิง ๆ ต่อย ๆ ที่เน้นแอ็กชัน ตัวเกมอาจจะดูน่าสนใจจนสามารถสร้างเป็นเกมหัวใหม่ให้ ‘Capcom’ ได้เลย แต่ยอดขายอาจไม่ดีเท่า ‘Resident Evil 5’ เพราะเป็นเกมหัวใหม่ แต่มันอาจจะเปิดแนวทางใหม่ให้ ‘Capcom’ ก็ได้ และที่สำคัญที่สุดเกมนี้อาจจะไม่ถูกด่าจากแฟน ๆ จนสุดท้ายทาง ‘Capcom’ ก็ยอมถอยจนเราได้เห็น ‘Resident Evil 7’ ที่กลับมาเป็นแนวสยองขวัญที่คุ้นเคย แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องยอมรับว่าเพราะแปะชื่อ ‘Resident Evil’ เกมภาคนี้จึงขายดีอันนี้คือสิ่งที่เราต้องยอมรับ
Resident Evil Deadly Silence
สำหรับคนที่ไม่ทราบมาก่อนว่าเกม ‘Resident Evil Deadly Silence’ คือเกมอะไรก็ต้องย้อนกลับไปในปี ‘2006’ ทาง ‘Capcom’ ต้องการเปิดตลาดบนเครื่องพกพา (อีกแล้ว) และ ‘Nintendo DS’ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการในการเอาเกม ‘Resident Evil’ ภาคแรกมาเปลี่ยนระบบการเล่น และการควบคุมบางส่วนใหม่อย่างปริศนาในเกม ไปจนถึงฉากเนื้อเรื่องบางส่วนใหม่เพื่อหวังดึงแฟนเก่าให้มาสนใจ แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่เกมกราฟิกตกยุคที่เอามาเล่นซ้ำอีกรอบก็ไม่สนุกถูกใจแฟน ๆ จนหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเสียดายระบบของเกมที่ทำออกมาได้ดี การแก้ปริศนาในเกมที่อ้างอิงการใช้จอสัมผัสด้านล่างที่ลงตัว ที่ถ้าเอาไปทำเกมซีรีส์ใหม่คงจะน่าสนใจไม่น้อย ดีกว่าเอามาแปะชื่อ ‘Resident Evil’ ที่คนเล่นภาคแรกไปแล้วคงไม่อยากกลับมาเล่นภาคเก่าที่กราฟิกเหมือนสมัย ‘Playstation 1’ หรอก
Resident Evil Operation Raccoon City
เรียกว่าตรงเนื้อหาที่สุดในบทความนี้ก็ว่าได้ กับเกม ‘Resident Evil Operation Raccoon City’ ที่เราจะได้รับบทเป็นหน่วยพิเศษของ ‘Umbrella’ ที่มาเอาเชื้อไวรัสในเมืองแร็กคูนช่วงเกม ‘Resident Evil 2’ ที่แต่ละตัวละครจะมีความสามารถพิเศษในการต่อสู้ที่ต่างกันให้เลือกใช้ พร้อมฉากที่เป็นเมืองแร็กคูนที่เราไม่คุ้นเคยในเกมภาคหลัก และไม่ใช่แค่ซอมบี้แต่เราต้องเจอทหารฝ่ายตรงข้ามที่มาสู้กับเรา ที่เราสามารถเล่นคนเดียวหรือออนไลน์เล่นกับเพื่อน ๆ ก็ได้ ที่ถ้าถามคนเล่นเกมนี้มาแล้วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเกม ‘Resident Evil Operation Raccoon City’ เกมนี้เล่นสนุกมาก ๆ แต่เพราะเกมนี้แปะชื่อ ‘Resident Evil’ ที่ชื่อนี้ไม่เหมาะกับตัวเกมแนวยิงแหลก แถมยังมีการเปลี่ยนเนื้อเรื่องที่บอกให้คนเล่นรู้ว่านี่เป็นจักรวาลคู่ขนานที่ไม่ใช่เนื้อเรื่องหลักซ้ำไปอีก จึงทำให้แฟนเกม ‘Resident Evil’ ไม่โอเคกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมนี้ ซึ่งหลายคนยังไม่ทันเล่นเลยด้วยซ้ำก็ตราหน้าด่าเกมนี้ว่ามันไม่ใช่ ‘Resident Evil’ ที่รู้จัก จนสุดท้ายเกม ‘Resident Evil Operation Raccoon City’ ก็เป็นเกมนี้ที่ถูกมองข้ามไปในที่สุด
Resident Evil Re Verse
ปิดท้ายกับเกมที่ตอนนี้ทาง ‘Capcom’ ขอเอาไปแก้ไขให้ดีก่อนจะเอามาให้ทุกคนที่ซื้อเกม ‘Resident Evil Village’ ได้เล่น กับเกม ‘Resident Evil Re Verse’ ที่เป็นเกมแนว ‘Battle Royale’ ฆ่าอีกฝ่ายเพื่อทำคะแนนให้มากที่สุด โดยความพิเศษของเกมนี้คือเราจะได้เล่นเป็นตัวละครจาก ‘Resident Evil’ ที่เมื่อเราเสียพลังชีวิตจนหมดจะสามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาดมาสู้ต่อได้ ที่ไอเดียของเกมนี้ก็ถือว่าน่าสนใจแต่ตัวเกมกลับขาดความสมดุลจนเล่นไม่สนุก แถมฉากก็แคบวิ่งวนไปวนมาซึ่งหลายคนที่ได้รับโอกาสทดสอบเกมนี้สมัยที่ทาง ‘Capcom’ เปิดให้ลองเล่น ก็มีหลายคนเลิกเล่นก่อนหมดเวลา ซึ่งก็ดีแล้วที่ทาง ‘Capcom’ เอาเกมนี้ไปทำใหม่ จนหลายคนต่างพากันคิดว่าถ้าเกม ‘Resident Evil Re Verse’ ไม่ใช้ชื่อ ‘Resident Evil’ เกมจะไปรอดไหม หลายคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่รอดแน่นอน” คงต้องรอดูว่า ‘Resident Evil Re Verse’ จะกลับมาเล่นสนุกอย่างที่แฟน ๆ คาดหวังไหม
เป็นอย่างไรกันบ้างกับรายชื่อเกม ‘Resident Evil’ ที่เล่นสนุกแต่เพราะแปะชื่อ ‘Resident Evil’ ลงไปเลยทำให้เกมนี้เป็นเกมที่แย่ลงไปทันที เหมือนอย่างซีรีส์ ‘Resident Evil’ ภาคล่าสุดที่ถ้าเรามองในแง่ของซีรีส์ซอมบี้ทั่วไป ‘Resident Evil’ ซีรีส์เรื่องนี้ถือว่าดูสนุก แต่เมื่อซีรีส์แปะชื่อ ‘Resident Evil’ คนดูที่เป็นแฟนเกมต่างก็คาดหวังขึ้นมาทันที ซึ่งก็เหมือนซีรีส์เกมเหล่านี้ที่เราได้ยกตัวอย่างมา และถ้าใครที่ดูซีรีส์ ‘Resident Evil’ จบแล้วก็มาพูดคุยกันได้ว่ารู้สึกอย่างไร รวมถึงตัวเกมเหล่านี้ที่เล่นแล้วชอบไม่ชอบตรงไหนก็เอามาแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้ ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรก็รอติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว รับรองไม่พลาดทุกข่าวสารแน่นอนเข้ามาดูกันตอนนี้ได้เลย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส