หากจะพูดถึงความล้มเหลวคงไม่ใช่สิ่งที่เป็นเรื่องดีและคงจะไม่มีใครอยากพบเจอ แต่ความจริงแล้วสิ่งที่ดูเหมือนเป็นจุดผิดพลาดในบางครั้งหากเราเรียนรู้มันให้ดีก็จะกลายเป็นบทเรียนที่สำคัญ และมันจะส่งผลกับอนาคต
สำหรับยักษ์ใหญ่ในวงการเกมอย่าง Nintendo ที่มีประวัติมายาวนานเอาแค่ในวงการเกมก็หลายสิบปีแล้ว ซึ่งปู่นินเคยผ่านทั้งจุดสูงสุดที่แทบจะครองตลาดคอนโซลได้ 100% ถึงขนาดโดนฟ้องร้องผูกขาดการตลาด ไปจนถึงตกต่ำจนทำยอดขายรั้งท้ายของยุคมาแล้ว
แต่ Nintendo ก็เรียนรู้ความล้มเหลวและกลับมาขายดีได้ตลอด ไม่เหมือนค่ายคู่แข่งอย่าง SEGA ที่ต้องเลิกขายเครื่องเกมคอนโซลไปทำซอฟต์แวร์อย่างเดียว เพราะอะไรทำให้ปู่นินเหมือนกับนกฟีนิกซ์ ที่คืนชีพกลับมาได้ตลอด วันนี้ทาง Beartai ได้รวมเอาความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่กลายมาเป็นความสำเร็จในเวลาต่อมาของ Nintendo มาให้ชมกัน
ความล้มเหลวของ Nintendo 64 และ Gamecube
อย่างที่รู้กันว่า Nintendo เสียแชมป์เกมคอนโซลครั้งแรกในยุค PS1 เพราะการประมาทคู่แข่งอย่าง Sony ที่หลังจากแยกทางกันในตอนที่จะทำอุปกรณ์เสริม CD บน Super Famicom รวมทั้งเคยจะทำเครื่องคอนโซลร่วมกัน แต่ปู่นินกลับใจเย็นปล่อยให้คู่แข่งออกวางขาย PS1 ปลายปี 1994 ส่วน Nintendo 64 วางขายปี 1996 มีเวลา 2 ปีให้ทำตลาด แถมด้วยสื่อแบบ CD ที่ต้นทุนต่ำและความจุเยอะทำให้ PS1 แซงเข้าวินเป็นเครื่องเกมแห่งยุคไปด้วยยอดขาย 100 ล้านเครื่องแบบสบาย ๆ
อย่างไรก็ตามจะบอกว่า Nintendo 64 ล้มเหลวคงจะพูดไม่เต็มปากเพราะมันยังขายได้มากกว่า 32 ล้านเครื่อง แต่ก็เป็นบทเรียนแรกที่ปู่นินเรียนรู้ถึงความพ่ายแพ้ที่ต้องคำนึงถึงค่ายเกมอื่นด้วย แต่ความล้มเหลวหนัก ๆ อยู่ที่ Gamecube ที่วางขายปี 2001 ที่มาพร้อมกับการใช้แผ่น Mini-DVD ที่ความจุยังน้อยกว่าคู่แข่งที่ใช้ DVD อยู่ดี
อย่างไรก็ตามประเด็นที่ Nintendo แพ้ Sony และ Microsoft ไม่ใช่เพราะการใช้ Mini-DVD แต่เป็นเพราะภาพลักษณ์ของเกมที่เหมือนของเล่นเด็กที่ขายคอเกมฮาร์ดคอร์ไม่ได้แล้ว และเกมดัง ๆ ในยุค 2000S ล้วนออกบนคอนโซลอื่นอย่าง GTA หรือ HALO รวมทั้ง Final Fantasy และ Dragon Quest ที่ทำให้ลุงหนวด Mario กลายเป็นของตกยุคไป และ Gamecube ทำยอดขายเพียง 21 ล้านแม้จะไม่ได้แย่มากแต่ก็ร่วงลงมาเป็นที่ 3 ทำในตอนนั้นมีคนทำนายไว้ว่าปู่นินจะตาม SEGA ไปขายเกมอย่างเดียว
สู่ความสำเร็จของ Wii
การคืนชีพของปู่นินเพราะ ซาโตรุ อิวาตะ (Satoru Iwata) ประธาน Nintendo ในตอนนั้น ได้มีไอเดียเจาะตลาดใหม่ที่เน้นคนที่ไม่เคยเล่นเกมและไม่ใช่คอเกม และยังได้เอาไอเดียการควบคุมด้วยระบบจับการเคลื่อนไหวที่ทำให้การเล่นเกมง่ายมาก จนมาเป็น Wii คอนโซลที่ไม่เน้นสเปกแรง ๆ แน่เน้นไอเดียแปลกใหม่ออกวางขายในปี 2006 ที่ขายได้เกิน 100 ล้านเครื่อง
และเหตุที่เรียนรู้จากความล้มเหลวว่าการทำเครื่องเกมมาแข่งขันกับ Sony และ Microsoft แบบตรง ๆ คงจะไม่มีทางชนะเพราะ Nintendo ไม่มีเกมเรือธงที่แฟนฮาร์ดคอร์ชอบวางขาย สู้ไปหาตลาดใหม่ที่ไม่เคยเล่นเกมมาก่อน และใช้ไอเดียแปลกใหม่ในการสร้างความประทับใจแทน แม้จะเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของปู่นิน แต่ผลออกมาดีเกินคาดจนกลับมาเป็นเบอร์ 1 ของวงการเกมได้อีกครั้ง
ความล้มเหลวของ WiiU
อย่างไรก็ตามการใช้ไอเดียแปลกใหม่ของ Wii อาจจะไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป เพราะหลังจาก Wii ขายดีปู่นินสานต่อความสำเร็จกับ WiiU คอนโซลที่มาพร้อมจอยที่มีหน้าจอขนาดใหญ่เหมือนเป็นแท็บเล็ต ที่มาพร้อมสเปกด้อยกว่าคู่แข่งร่วมยุคอย่าง PS4 โดยปู่นินคาดหวังว่าจะขายดีไม่แพ้รุ่นพี่ แต่ด้วยไอเดียที่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ทำให้มันล้มเหลวอย่างหนักและเป็นหายนะครั้งใหญ่ของ Nintendo
ที่ WiiU ล้มเหลวเพราะการเล่นเกมแบบ 2 หน้าจอพร้อมกันที่ยุ่งยากมากกว่าสนุกแถมไอเดียการเล่นโดยใช้ Game Pad เล่นเกมแบบไม่ต้องใช้ทีวีกลับเป็นไอเดียที่ดูธรรมดาและมีข้อจำกัด เพราะต้องนั่งเล่นอยู่ใกล้กับเครื่อง WiiU ทำให้มีแฟนบ่นว่าอยากให้ปู่นินทำ Game Pad ที่สามารถพกพาออกไปเล่นนอกบ้านได้ แถมสเปกของ WiiU ก็ไม่ได้แรงทำให้ค่าย 3rd Party ไม่สามารถทำเกมยุคใหม่ในตอนนั้นลงได้ ส่งผลให้เป็นความล้มเหลวที่สุดของปู่นิน เพราะสเปกก็ไม่แรงไอเดียก็ไม่มีคนซื้อ ทำให้ยอดขาย WiiU ขายได้ 13 ล้านเครื่องเท่านั้น
สู่ความสำเร็จของ Nintendo Switch
ดูเหมือนว่านอกจากปู่นินจะเรียนรู้กับความล้มเหลวและไม่ยอมแพ้ ยังเอาเสียงบ่นที่แฟนเกมอยากเอา WiiU ไปเล่นนอกบ้านมาสานต่อเป็นคอนโซลลูกผสม Nintendo Switch ที่สามารถเล่นต่อกับทีวีก็ได้ และหยิบเอาไปเล่นต่อนอกบ้านได้ โดยคราวนี้ Nintendo ได้ตัดเอาลูกเล่นการเล่นเกม 2 หน้าจอพร้อมกันทิ้งไปเลยเพราะมันขายไม่ได้ และจัดเต็มกับการเล่นนอกบ้านแถมด้วย Joy-con ที่เพิ่มการเล่นแบบวางตั้งโต๊ะทำให้มันยิ่งตอบโจทย์แฟน ๆ ที่อยากเอาไปเล่นได้ทุกทีทุกเวลามากกว่า
และการเรียนรู้ที่จะฟังผู้บริโภคอีกครั้งของ Nintendo ส่งผลทำให้ Switch กลายเป็นคอนโซลแห่งยุคอีกครั้ง และขายดีกว่า Wii ด้วยซ้ำ เพราะในตอนนี้คอนโซลลูกผสมทำยอดไปได้มากกว่า 114 ล้านเครื่องแล้ว แถมยังไม่สิ้นสุดยุคยังมีเวลาทำยอดขายเพิ่มอีกนานเป็นปี ส่วนคอนโซลรุ่นต่อไปปู่นินจะสามารถสานต่อความสำเร็จได้หรือจะล้มเหลวอีกรอบจนต้องมาเรียนรู้กันใหม่ก็ต้องรอลุ้นกัน