จบไปแล้วกับช่วงเข้าทดสอบ Closed Network Test (CNT) ของ Tekken 8 ที่ในช่วงที่ผ่านมาทาง Bandai Namco ได้ทำการสุ่มชิงโชคเลือกผู้สมัครที่โชคดีรับโค้ดเข้าทดสอบตัวเกมเวอร์ชัน CNT รอบแรกมาให้ได้ลองกัน
ตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้โชค…ร้ายที่ไม่ได้ถูกเลือกเข้าทดลอง Tekken 8 (CNT) เหมือนกันครับ แต่ก็โชคดีมีเพื่อนที่เล่น Tekken ด้วยกันได้รับโค้ดแล้วอนุญาตให้ผมไปเล่นได้เป็นเวลา 2 ชั่วโมงเต็ม เลยทำให้มีโอกาสได้มาลองเขียนบทความพรีวิวนี้ครับ
**Tekken 8 (CNT) จะเป็นตัวเกมเวอร์ชันทดสอบคนละแบบกับ BETA ครับผม
ด้วยความที่ผมเองก็เป็นแฟน Tekken ที่เอาเวลาไปสิงอยู่กับ Tekken 7 มานานมาก (เล่นมาตั้งแต่ 2019 รวม ๆ กว่า 1,627 ชั่วโมง) หลังจากที่ลองเปลี่ยนมาเล่น Tekken 8 ก็บอกได้ชัดเจนว่า มีหลายอย่างถูกเปลี่ยนจากเกมภาคไปมาก ซึ่งมันก็เป็นการเปลี่ยนที่ดี เพราะเกมเพลย์สนุกกว่าเดิมมาก แถมยังเล่นง่ายกว่าเดิมหลายเท่าจริง ๆ
อย่างไรก็ตามก่อนที่เราจะมาเริ่มบทความ ความเห็นจากการเล่น Tekken 8 (CNT) จะพูดถึงเฉพาะสิ่งที่เราได้เจอจากตัวเกมเวอร์ชันนี้ครับ ตามที่ ‘คัตซูฮิโร ฮาราดะ’ (Katsuhiro Harada ผู้สร้าง Tekken) กล่าวเอาไว้บนแพลตฟอร์ม X ตัวเกมยังอยู่ในช่วงทดลอง ยังต้องได้รับการปรับเปลี่ยนอีกเยอะก่อนจะถึงวันวางจำหน่ายจริง (ซึ่งจนถึงป่านนี้แล้ว ยังไม่มีกำหนดวางจำหน่ายที่แน่ชัดจากทีมงานเลย)
หลังจากได้เริ่มเข้าเกม สำหรับใครที่เล่นผ่าน Steam จะเห็นได้ว่าตัวเกมสามารถเล่นในระบบ ‘ภาษาไทย’ ได้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกสำหรับ Tekken เลยที่รองรับภาษาไทยครับ หลังจากจบ Intro Cutscene แล้วที่เราจะได้เห็นตัวเอกอย่าง Jin กับ Kazuya ซัดหน้ากันไปแล้ว ตัวเกมจะขึ้นคำสั่งให้ผู้เล่นเลือกที่จะฝึกฝนก่อนเข้าเล่น Ranked Matches ซึ่งจะมีด้วยกัน 2 โหมด ได้แก่
- โหมดฝึกหัดสำหรับมือใหม่
- โหมดสอนใช้ Heat System ที่มาใหม่
ผมเองได้ลองเล่นทั้ง 2 โหมด ก็พอบอกได้ว่า โหมดใหม่นี้สอนผู้เล่นหน้าใหม่ให้เข้าใจระบบได้สะดวกกว่าเดิมจริง และ นอกจากจะมีโหมดสอนแล้ว ตัวเกมภาคนี้ยังมี Special Style ทำให้การกดปุ่มออกท่าง่ายกว่าภาคก่อน ๆ หลายเท่า โดยความง่ายนี้มันก็รวมไปถึงการกดปุ่มใช้ท่า Heat ใหม่เช่นกัน มันทำให้ไม่จำเป็นจะต้องกดปุ่ม Input ที่ยากเย็นเพื่อออกท่าพิเศษ กดแค่ปุ่ม Heat ตัวเดียวรัว ๆ ก็สามารถฟาดคู่แข่งได้ไม่ยั้งแล้ว
พูดถึงระบบ Heat ที่มาใหม่ ถือได้ว่าเป็น Game Changing อย่างหนึ่งที่มีประโยชน์มากหลังจากระบบ Combo ของภาค 8 ถูกปรับให้ไม่ลากยาวเหมือนกับภาค 7 ด้วยความที่ Combo ภาคนี้ถูกปรับให้สั้นลง ผู้เล่นสามารถใช้ท่าพิเศษจาก Heat เพื่อต่อให้ Combo ลากยาว และ แรงขึ้นกว่าเดิมได้ นอกจากจะใช้กับ Combo ระบบ Heat ยังสามารถเป็นตัวบุกได้ดีอีกเช่นกันครับ
ระบบ Heat จะทำหน้าที่คล้ายกับบาร์ของตัวละคร 2D จากภาค 7 (อย่าง Geese, Akuma และ Eliza เมื่อกดใช้งานแล้วจะสามารถออกท่าพิเศษได้จนกว่าขีดในบาร์จะหมด) แต่สำหรับ Heat ในภาค 8 จะมีให้กับทุกตัวละคร และ จะสามารถใช้ได้แค่ 1 ครั้งต่อ 1 รอบ
ในส่วนของเกมเพลย์ที่ถูกปรับใน Tekken 8 จะมี Chip Damage ค่าความเสียหายที่ได้รับขณะป้องกัน ผู้เล่นสามารถสร้างความเสียหายนี้ได้ด้วยการโจมตีระหว่างที่เปิดใช้ Heat (หากผู้ถูกโจมตีเลือดเหลือเพียง 1% ต่อให้มีท่า Heat โจมตีแล้วป้องกันได้ เลือดจะไม่ลดหมดหลอดจน K.O. ครับ) ตามด้วย Movement หรือ การเคลื่อนที่ของตัวละครในเกมที่ค่อนข้างหน่วง ๆ กว่าปกติ ส่งผลให้ผู้เล่นไม่สามารถเคลื่อนที่ถอยหลังแบบ Korean Backdash ได้ถนัดเหมือนกับ Tekken 7 อย่างไรก็ตาม ฮาราดะได้รับรู้ถึงตรงนี้แล้ว และ เผยว่าจะปรับปรุงก่อนที่เกมวางจำหน่ายด้วย
ตัวเกม CNT จะมีนักสู้ให้เล่นได้ทั้งหมด 16 ตัว พร้อมกับ Stage ทั้งหมด 5 ด่านในขณะนี้ ซึ่งก็แน่นอนว่าจะมีตัวละครเพิ่มขึ้นอีกในภายหลัง อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ทางทีมงานเล็งที่จะเปิดเผยแค่ตัวละครจาก Main Roster ก่อน ส่วนตัวละคร Guest Character ที่มาจากแฟรนไชส์อื่น ๆ คล้ายกับ Noctis, Akuma, Geese, Negan (ที่เล่นได้ใน Tekken 7) ฮาราดะเผยว่า ยังไม่มีแผนประกาศพวกเขาในตอนนี้ครับ
สำหรับ Stage ของ Tekken 8 ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวว่า ออกแบบมาได้ตระการตาจริง ๆ อย่างด่าน Urban Square ถอดแบบมาจาก Time Square ประจำ New York City ที่มีจุดเด่นในเรื่องแสงสีนีออนที่สวยงาม
ตามด้วย Arena, Sanctum และ Yakushima ที่มาพร้อมกับเพลงประกอบที่… อื้มมมมม!! แม่เจ้า!! จังหวะดนตรีโคตรมัน!! โดยเฉพาะด่าน Sanctum ช่วงที่ผมได้เปิด Heat ซัดหน้าคู่แข่งแล้วดนตรีเข้า Beat Drop ตรงช่วงพอดี ตามด้วยช่วง Transition เปลี่ยนสภาพแวดล้อมของ Stage อารมณ์ผมตอนเล่นคือตามรูปขวามือเลยครับ เพลงทั้งมันทั้งเดือดจริง เล่นทีหัวโยกตาม ชอบมาก!!
สุดท้าย เราจะมาดูระบบ Network ที่ทางทีมงานตั้งใจเปิดเวอร์ชันทดลองมาให้เราทดสอบกันแต่แรก ทางทีมงานเคยได้ประกาศเอาไว้ว่า ตัวเกมจะมาพร้อมกับระบบ Rollback ที่ดีกว่าเดิม ซึ่งจากที่ผมเล่นเองมา 2 ชั่วโมง ดูเหมือนว่าจะโชคดีที่ไม่เจอเข้ากับปัญหาการเชื่อมต่อ หรือ หลุดจากเกมระหว่างเล่นเลย แต่สำหรับเพื่อนผมที่เล่นด้วยเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น เพราะมีหลายคนที่เล่นแล้วเจอปัญหา Network ระหว่างเล่น และ เวลารอเพื่อหาห้องในโหมด Ranked Matches ที่นานพอสมควร
มีส่วนหนึ่งที่ผมเองมั่นใจได้ว่าเป็นปัญหา Network สำหรับทุกคนแน่นอนนั่นก็คือ ระบบ Crossplay ของเกมที่เพิ่มเข้ามาใหม่ครับ จากที่ได้ยินมา หากคุณเล่นผ่าน PS5 กับผู้เล่นบน PS5 ด้วยกันเอง จะไม่พบกับปัญหาใด ๆ เลย ต่อยกันได้อย่างราบรื่น
แต่ถ้าเป็น PS5 กับ PC หากคุณเล่นบน PS5 แล้วเจอคู่แข่งที่เล่นผ่านคอมสเปกไม่แรง ก็จะเจอกับปัญหาระหว่างเล่นที่หนักพอสมควร ส่งผลให้หลายคนที่เล่นตัวทดลองปิดโหมด Crossplay ระหว่างเล่นไปเลย
ในส่วนของสเปกที่ใช้เล่น Tekken 8 (CNT) ถ้าเช็กจากคอมผมเองที่ใช้การ์ดจอ RTX 2060 และ RAM ในคอมพิวเตอร์ 16 GB ถือว่าเล่นปรับ High ได้สบาย ๆ เลยครับ อย่างไรก็ตาม Performance อาจจะมีหน่วง ๆ หน่อยในช่วงโหลด Assets เกมครั้งแรก ถ้าหากเข้ามาเล่นอีกรอบก็จะไม่พบเจอกับปัญหานี้อีกเลยครับ
ทั้งนี้ Tekken 8 (CNT) โดยรวมแล้ว ส่วนตัวคิดว่า ทำผลงานออกมาได้สนุกมาก ๆ สนุกถึงขั้นไม่อยากกลับไปเล่น Tekken 7 เลย (ถึงแม้ภาคนี้จะไม่มี Anna เมนผมก็ตาม) ด้วยระบบเกมเพลย์ที่เน้นให้ผู้เล่นได้บุกซัดหน้าคู่แข่งได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับการกดปุ่มที่ง่ายกว่าภาคก่อน และเอื้ออำนวยผู้เล่นหน้าใหม่ได้ดีกว่า เชื่อว่าทางทีมงานได้พาตัวเกมมาถูกทางแล้วครับ
แต่ถึงจะมีข้อดีที่ผมเองชอบมากหลายอย่างก็ตาม ตัวเกมก็ยังมีหลายส่วนที่ยังต้องปรับปรุงก่อนจะวางจำหน่ายจริง ซึ่งนอก Movement ที่ทำให้ถอยแบบ Korean Backdash ได้ยาก และ ระบบ Network กับ Crossplay ที่ยังต้องปรับปรุงตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้น ในเรื่องค่าความเสียหายจากการโจมตีของตัวละครที่ OP จนเกินเหตุ ก็เชื่อว่าทางทีมงานจะนำตรงนี้ไปแก้ก่อนวันขายจริงอย่างแน่นอนครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส