เมื่อพูดถึงเกมที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ทุกคนคงจะคิดถึงเกม ‘Resident Evil Village’ หนึ่งในเกมชื่อดังที่เป็นภาคต่ออย่างเป็นทางการของเกม ‘Resident Evil 7’ ที่เมื่อเปิดตัวอย่างแรกออกมาก็ทำเอาทุกคนต่างพากันอ้าปากค้าง เกี่ยวกับการกระทำของคริส เรดฟิลด์ (Chris Redfield) ที่มาในบทของตัวร้ายแถมยังฆ่ามีอา วินเทอร์ส (Mia Winter) อย่างเลือดเย็นและลักพาตัวลูกสาวของอีธาน วินเทอร์ส (Ethan Winters) ไปอีก
วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าตั้งแต่เริ่มต้นอีธานต้องไปเจอกับอะไรมาบ้าง กับสรุปเนื้อเรื่อง ‘Resident Evil Village’ โดยเราจะขอเล่าเรื่องราวให้เป็นแบบนิยายเรื่องสั้นที่มาพร้อมภาพประกอบเพื่อให้อ่านง่ายขึ้น โดยเราจะอ้างอิงและตัดเนื้อหาที่ไม่จำเป็นออกไปและเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางส่วนให้เป็นบทพูดของตัวละครให้อ่านง่ายขึ้น แต่ยังคงเป็นเรื่องราวของเกมแบบไม่มีผิดเพี้ยนไป ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยหมู่บ้านพร้อมกันเลย
แน่นอนว่าสปอยล์แหลกนะ ใครอยากรู้เรื่องเอง แนะนำให้ไว้อ่านหลังเล่นจบ
จุดเริ่มต้นของหายนะ
ผมชื่ออีธาน วินเทอร์ส คุณคงจะรู้จักผมเป็นอย่างดีจากข่าวแก๊สระเบิดระเบิดเมื่อ 3 ปีก่อนที่คร่าชีวิตครอบครัวเบเกอร์เสียชีวิตทั้งหมด ส่วนผมกับมีอาที่อยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุก็หายตัวไป ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างที่คุณรู้ ความจริงแล้วครอบครัวเบเกอร์ทุกคน(ยกเว้นลูคัส) ทุกคนล้วนน่าสงสารเพราะถูกเชื้อรามรณะจากเด็กสาวที่ชื่อเอเวอลีน (Eveline) หนึ่งในตัวทดลองที่หลุดออกมาครอบงำจนเสียสติ ผมกับมีอาที่หนีออกมาได้ด้วยความช่วยเหลือของคริส เรดฟิลด์จึงย้ายมาอยู่ที่ยุโรป ทุกอย่างถูกปิดเป็นความลับโดยมี BSAA คอยดูแลผมและมีอาเป็นอย่างดี รวมถึงการตรวจสุขภาพที่ตั้งแต่ผมกับมีอารอดชีวิตมาได้ เราทั้งสองคนก็เป็นปกติไม่มีอาการอะไร ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ในตอนนั้นมีอาเธอยังคงต้องทานยาตามที่หมอสั่ง แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีเพราะตอนนี้ผมกับมีอามีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน เธอเป็นเด็กสาวน่ารักยิ้มเก่งเราตั้งชื่อให้เธอว่าโรสแมรี (Rosemary) ตั้งแต่วินาทีแรกที่เด็กสาวลืมตาขึ้นมาดูโลกจนถึงวันนี้ก็ผ่านมา 6 เดือนแล้วที่เราครอบครัว 3 คนพ่อแม่ลูกอยู่อย่างมีความสุข และเราก็ไม่ลืมที่จะบอกเรื่องนี้กับโซอี้ เบเกอร์ (Zoe Baker) คนที่คอยช่วยผมในตอนนั้น เธอคือหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากครอบครัวเบเกอร์ และตอนนี้เธอก็เป็นนักข่าวใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาเสียที
คืนแห่งจุดเริ่มต้น
ถึงทุกอย่างดูเหมือนจะมีความสุขแต่ผมก็ไม่เคยลืมฝันร้ายในตอนนั้น มันเหมือนมีบางอย่างในตัวผมที่อยู่ข้างในยังคงดิ้นรนขัดขืนเหมือนอยู่ในนรก ผมพยายามพูดคุยกับมีอาในเรื่องนี้แต่ทุกครั้งที่เราคุยกันเธอจะโกรธจนมีปากเสียงกันทุกครั้ง ดูเหมือนมีอาจะไม่อยากคิดถึงเรื่องในตอนนั้นต่างกับผมที่ยังคงนึกถึงมัน แต่ช่างมันเถอะตอนนี้ผมมีมีอามีโรสมีความสุขแค่นี้ก็พอแล้ว ในฐานะหัวหน้าครอบครัวผมต้องการเท่านี้จริง ๆ
“ผมพาลูกเข้าไปนอนเรียบร้อยแล้วนะ” ผมพูดกับมีอาที่กำลังทำอาหารพื้นบ้านแบบชาวยุโรป ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะอ่านนิทานพื้นบ้านที่น่ากลัวให้ลูกฟัง โชดดีที่โรสยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจว่านิทานนั้นน่ากลัวขนาดไหน
เราสองคนทานอาหารกันแต่ผมก็ยังอดเอาเรื่องเมื่อ 3 ปีที่แล้วมาพูดถึงไม่ได้ แต่ไม่ทันที่มีอาจะใส่อารมณ์กับผมตอนนั้นเองก็มีกระสุนปริศนายิงมาใส่ร่างของมีอา
“มีอา หลบเร็วเข้า” ไม่ทันที่ผมจะพูดจบห่ากระสุนก็ยิงใสร่างของเธอจนเป็นรังผึ้ง
มีอาล้มลงแต่เธอยังไม่เสียชีวิตเธอยังมีสติ แต่ตอนนั้นเองคริส เรดฟิลด์ก็เดินมาจากประตูพร้อมปืน
“ขอโทษนะอีธาน” เขามองมาทางผมก่อนจะรัวกระสุนใส่ร่างของมีอาซ้ำอีกหลายนัดจนเธอเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาผม
“คริสนายทำอะไรลงไป” ผมตะโกนด้วยความโกรธแค้น แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจผมเลย
ผมถูกลูกน้องของคริสจับตัวพร้อมกับโรส พวกมันจะพาลูกสาวผมไปไหน “โรส“
ผมถูกลูกน้องของคริสทำร้ายจนสลบไป ในความฝันผมอยู่ในห้องกำลังมีปากเสียงกับมีอา เธอดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่ได้บอกกับผม ก่อนที่ผมจะตื่นขึ้นมากลางหิมะพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ข้าง ๆ ศพลูกน้องของคริส เมื่อรับสายทางนั้นก็ต่อว่าผมอย่างแรงก่อนจะตัดสาย ผมที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงเดินฝ่าความหนาวในป่าที่มืดสนิทแต่ก็ยังโชคดีที่มีไฟฉาย จนมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่ไร้ผู้คนทุกอย่างเงียบสนิทจนผมได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ที่ชั้นใต้ดิน เมื่อผมลงไปข้างล่างตามเสียงก็พบแค่หนูในตู้ แต่พอขึ้นมาด้านบนข้าวของก็พังกระจัดกระจายเหมือนถูกตัวอะไรมาทำลาย นี่มันเกิดอะไรขึ้นผมบอกกับตัวเองก่อนจะทิ้งความสงสัยและเดินทางต่อไปจนถึงตัวหมู่บ้าน ที่นั่นมีปราสาทขนาดใหญ่แต่เมื่อลงไปที่ด้านล่างที่นี่เหมือนเป็นหมู่บ้านร้างที่ไม่มีผู้คน บ้านหลายหลังเหมือนถูกอะไรบางอย่างมาบุกทำลาย มีซากสัตว์ที่เพิ่งตายมาไม่นานเพราะสภาพศพยังอุ่นจนมีไอความร้อนออกมาจากร่าง ผมที่เดินต่อไปเพื่อขอความช่วยเหลือ
ผมเดินสำรวจทุกบ้านจนมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่นั่นผมเจอคุณลุงท่านหนึ่ง เขามีท่าทางตกใจเมื่อเห็นผม หรือจะพูดว่าต่างฝ่ายต่างตกใจที่เห็นกันและกัน ผมพยายามจะถามแกว่าที่นี่เกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ทันทีจะถามอะไร ลุงแกก็ให้ผมเงียบเสียงและถามผมว่ามีปืนไหม ก่อนจะยัดปืนสั้นใส่มือผม ก่อนที่ด้านนอกจะมีเสียงดังเหมือนมีตัวอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่กำลังวิ่งไปมา และไม่ทันตั้งตัวลุงก็โดนตัวอะไรบางอย่างทะลุมือมาจากหลังคาดึงร่างลุงแกหายไป พร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากรูนั้น ส่วนผมที่กำลังตกใจก็ถูกมือขนาดใหญ่ดึงให้ลงมาที่ใต้ถุนบ้าน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ผมที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางซากศพของชาวบ้าน ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้นผมถามตัวเองในหัว ระหว่างที่พยายามคลานผ่านซากศพเหล่านั้นเพื่อจะออกไปจากที่นี่ จนปลายทางผมก็เจอกับตัวอะไรบางอย่างที่กำลังนั่งกินซากศพอยู่ แต่ไม่ทันทีผมจะทำอะไรจู่ ๆ ก็ถูกตัวอะไรไม่รู้มากัดที่มือซ้ายของผมจนนิ้วก้อยและนิ้วนางหายไปในปากของมัน ก่อนที่ผมจะตั้งสติและสู้กับมัน
“นี่มันมนุษย์หมาป่า” ผมบอกกับตัวเองเมื่อล้มมันลงได้
แต่ไม่ทันที่ผมจะคิดจบก็มีฝูงมนุษย์หมาป่ามารุมทำร้ายผม นี่มันเกิดอะไรขึ้น ผมพยายามหนีเอาชีวิตรอดจากฝูงมนุษย์หมาป่าจนมาถึงบ้านหลังหนึ่ง ที่นั่นมีวิทยุกระจายเสียงที่บอกให้คนที่รอดชีวิตไปรวมตัวกันที่บ้านของลุยซา ยังมีคนอยู่ผมรู้สึกโล่งอกแต่ก็ไม่นานเพราะหัวหน้าฝูงมนุษย์หมาป่าที่ถือค้อนอันโตกับพวกบุกมาฆ่าผม จนผมเสียหลักโดนธนูปักหัวเข่า วินาทีที่จะเสียท่าเสียงระฆังก็เรียกพวกมันให้จากไป “ขอบคุณพระเจ้า”
ผมที่รอดมาได้อย่างน่าประหลาดก็พยายามตั้งสติหาผ้ามาพันแผล ก่อนจะเดินหาบ้านลุยซาตามที่วิทยุบอก ระหว่างทางก็พบหญิงสาวกับแก่คนหนึ่งที่กำลังพูดอะไรบางอย่างที่จับใจความไม่ได้ เมื่อผมถามเธอถึงโรสหญิงแก่ก็ยิ้มและพูดว่ามีเด็กผู้หญิงถูกพามาที่นี่ นั่นคือโรสแน่นอนแต่ไม่ทันที่จะถามอะไรเธอก็เดินจากไปแล้ว
“โรสพ่อมาแล้ว” ผมรวบรวมความกล้าจนมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่นั่นมีสองพ่อลูกแอบอยู่ ทั้งคู่ตกใจที่เห็นผมที่เป็นคนนอก หลังจากพูดคุยกับลูกสาวก็ทราบว่าพวกเขาก็จะไปที่บ้านของลุยซาแต่พ่อของหญิงสาวบาดเจ็บผมจึงพาทั้งคู่ไปยังบ้านของลุยซา
เมื่อมาถึงบ้านของลุยซาทุกที่นั่นมีคนรอดชีวิตอยู่ไม่มาก ทุกคนต่างตกใจเมื่อเห็นผมที่เป็นคนนอก เมื่อผมถามว่าที่เกิดอะไรขึ้นชาวบ้านก็ทำท่างุนงงแปลกใจไม่แพ้ผม เพราะที่นี่เคยเป็นหมู่บ้านที่สงบร่มเย็นแต่จู่ ๆ ก็มีสัตว์ประหลาดมาบุก สิ่งที่พวกชาวบ้านทำได้แค่การสวดภาวนาต่อพระแม่มิแรนด้าก่อนที่ชายแก่ที่ผมช่วยมาจะมีอาการแปลก ๆ เขาเหมือนคนเสียสติและฆ่าทุกคนในนั้น เหลือเพียงแต่ลูกสาวของชายแก่ที่พยายามหนีออกมาจากบ้านของลุยซาที่กำลังไฟไหม้ แต่มีเพียงผมที่หนีออกมาได้ลูกสาวของลุงคนนั้นก็เสียชีวิตต่อหน้าต่อตาผมที่ช่วยอะไรเธอไม่ได้ จนเมื่อหนีออกมาได้ผมก็เจอกับมิแรนด้าที่ชาวบ้านพูดถึง “เธอคือใคร”
ที่แม้จะเจ็บใจที่ไม่สามารถช่วยใครได้แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป ผมที่ไม่รู้ต้องทำอย่างไรต่อไปจึงจะเดินทางไปที่ปราสาทในหมู่บ้าน ที่นั่นอาจจะมีเบาะแสที่สำคัญเกี่ยวโรสอยู่ก็ได้ เมื่อมาถึงตัวปราสาทผมก็พบชายคนหนึ่งใส่แว่นดำทรงกลมถือค้อนอันใหญ่ ที่ทักทายผมเหมือนรู้จักกันมาก่อน แต่ไม่ทันที่จะทำอะไรชายคนนั้นก็ใช้เหล็กแถวนั้นมาแทงผมจนสลบไป จนมาตื่นอีกทีผมก็ถูกชายคนนี้จับลากมาในที่แห่งหนึ่ง ตรงหน้าของผมคือตุ๊กตาที่หน้าตาน่าเกลียดในชุดเจ้าสาวพร้อมกับชายหลังค่อมหน้าตาน่ากลัวกำลังจ้องมา และที่ด้านหลังก็มีชายถือค้อนและหญิงสาวชุดสีขาวร่างใหญ่กำลังถกเถียงเรื่องการจะทำอย่างไรกับผม ก่อนที่หญิงสาวที่ยืนตรงกลางที่น่าจะเป็นมิแรนด้าตัดสินใจให้ชายถือค้อนที่ชื่อคาร์ล ไฮเซนเบิร์ก (Karl Heisenberg) จัดการผม หมอนั่นจึงจัดแข่งเกมเอาชีวิตรอดโดยปล่อยให้ผมที่ถูกมัดมือหนีเอาชีวิตรอดจากเขาและฝูงมนุษย์หมาป่า
ผมที่หนีรอดมาได้ก็กลับมาที่หมู่บ้านอีกครั้ง และน่าแปลกทำไมไฮเซนเบิร์ก(คนที่ถือค้อน) ถึงไม่ปลดอาวุธผมไปตอนที่จับผมมา แต่ช่างมันเถอะผมไม่มีเวลามาสนใจเพราะต้องไปช่วยโรส แต่ระหว่างทางที่ไปยังปราสาทผมได้เจอชายร่างอ้วนบนรถม้าขนาดใหญ่ เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อดยุก (The Duke) เป็นคนขายของที่ผ่านทางมา แต่ในสถานที่แบบนี้นะจะมาขายของ แต่ชายอ้วนก็ยิ้มและพูดว่าที่ไหนมีคนต้องการซื้อเขาก็พร้อมที่จะไปขายของ แถมเขายังเสนอซื้อสิ่งต่าง ๆ ที่ผมเก็บได้เพื่อมาแลกเป็นเงินในการซื้อกระสุนและยาจากเขา
ผมรู้จากดยุกว่าปราสาทนี้เป็นของ Dimitrescu ที่น่าจะเป็นของหญิงสาวชุดสีขาวร่างใหญ่ เธอคนนั้นที่มีชื่อว่าอัลซิน่า ดิมิเทรสกู (Alcina Dimitrescu) แต่เมื่อมาถึงผมก็เจอกับลูกสาวของอัลซิน่าที่มาในรูปแบบของฝูงแมลงวันที่มารวมตัวกันเป็น 3 สาวผีดิบดูดเลือด พวกเธอพาผมไปหาแม่ของเธอ หญิงสาวทั้งสามคนดูท่าทางกระหายอยากจะรุมฉีกร่างผมตรงนี้ แต่แม่ของเธอก็สั่งให้ไว้ชีวิตผม เพราะเธอต้องไปบอกคนที่ชื่อมิแรนด้าเพื่อขออนุญาตในการฆ่าผม แต่ตอนที่พวกเธอไม่อยู่ผมก็สามารถหนีออกมาได้
เมื่อหนีออกมาในห้องหนึ่งของปราสาทผมก็เจอกับดยุกอีกครั้ง เขาถามผมว่าเจอลูกสาวรึยัง ไม่ซิผมต่างหากที่ต้องถามเขาว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ซึ่งคำตอบก็เหมือนกับครั้งแรกที่ถาม แต่ครั้งนี้ดยุกมีบอกผมว่าบางทีดิมิเทรสกูอาจจะซ่อนลูกสาวผมไว้ที่นี่ก็ได้ นั่นจึงทำให้ผมเลือกที่จะหาโรสที่นี่แม้ใจจะไม่เชื่อเขาก็ตาม แต่นี่ก็เป็นเพียงเบาะแสเดียวที่ผมมีตอนนี้ ซึ่งการเดินทางในปราสาทก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะผมเจอทั้งฝูงซอมบี้ถืออาวุธและลูกสาวทั้งสามคนของเธอดิมิเทรสกูที่จะฆ่าผม ซึ่งอาวุธปืนทำอะไรเธอที่เป็นแมลงวันไม่ได้เลย จนกระทั่งกระสุนนัดหนึ่งไปโดนที่หน้าต่างจนกระจกแตก ไอเย็นได้แช่แข็งพวกเธอจนผมสามารถฆ่าลูกสาวคนแรกของเธอได้ “เกลียดแมลงจริง ๆ “ ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้ดิมิเทรสกูคนแม่โกรธจนเธอเดินไล่ล่าผมไปทั่วปราสาท โดยที่เธอไม่สนใจคำสั่งของมิแรนด้าที่ห้ามฆ่าผมเพราะต้องใช้ประกอบพิธี แต่ดูเหมือนเธอจะโกรธมากจนไม่สนใจคำสั่ง เธอไล่ล่าตัดแขนผมจนขาด แต่ไม่เป็นไรผมมีน้ำยาพิเศษที่สามารถต่อมือกลับมาได้
ระหว่างทางที่หาโรสในปราสาทผมต้องเจอกับลูกอีกสองคนของดิมิเทรสกูมาขัดขวาง ซึ่งผมก็สามารถฆ่าลูก ๆ ของเธอได้พร้อมกับความจริงที่ว่าทั้งสี่คนแม่ลูกนั้นเป็นโรคเกี่ยวกับเลือด จนมาขอการรักษาจากมิแรนด้า ซึ่งจริง ๆ มันก็คือการทดลองฝังเชื้อไวรัสลงไปในร่าง และเด็กสาวทั้งสามคนก็เปลี่ยนตัวเองเป็นแมลงวัน ส่วนคนแม่ก็มีร่างกายที่ใหญ่โตพร้อมกรงเล็บ ทั้งสี่คนต้องดื่มเลือดมนุษย์เพื่อทดแทนโรคเลือดที่เคยมี และแน่นอนว่าดิมิเทรสกูคนแม่ที่รู้ว่าผมฆ่าลูกสาวเธอไปเธอก็จะมาฆ่าผม โชคดีที่ผมเจอมีดพิเศษที่มีพิษร้ายแรง แต่ดูเหมือนมีดนั้นจะทำให้ดิมิเทรสกูคนแม่กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด แต่ผมก็สามารถล้มเธอได้แต่ตัวเองก็เกือบตาย “ไปลงนรกให้หมดพวกแม่มด” และเมื่อล้มดิมิเทรสกูคนแม่ลงได้ผมก็พบขวดโหลสีเหลืองที่ดิมิเทรสกูซ่อนเอาไว้ มันน่าจะเป็นของสำคัญผมจึงเก็บมา และที่ผนังกำแพงชั้นใต้ดินนั้นมีรูปสัญลักษณ์ ‘Umbrella Corporation’ ด้วย ก่อนจะพบกับหญิงแก่คนเดิมเธอบอกผมว่าสายไปแล้วโรสตายแล้ว นั่นอาจจะเป็นคำพูดของหญิงแก่เสียสติอย่างที่ชาวบ้านในบ้านลุยซาบอก ก่อนที่ผมจะเจอกับดยุกอีกครั้ง เขาบอกผมว่าผมเจอลูกสาวแล้วไม่ใช่หรอเธออยู่ในมือของคุณ ดยุกหมายถึงขวดโหลสีเหลืองที่ผมได้มา ที่ขวดเขียนว่าหัวของโรส พระเจ้าพวกมันแยกชิ้นส่วนของเธอ
(อ่านต่อหน้าถัดไป)
“อย่าเพิ่งตกใจไปคุณวินเทอร์ส ลูกสาวคุณยังไม่ตายคุณยังช่วยเธอได้ ลองไปที่บ้านปล่องไฟสีแดงที่นั่นอาจจะมีคำตอบ” ดยุกบอกกับผม มันเกิดอะไรขึ้นพวกมันทำอะไรกับโรส
ผมไปที่บ้านปล่องไฟสีแดงตามที่ดยุกบอก จนไปถึงก็พบคนในบ้านเขาถูกมนุษย์หมาป่ากินไปแล้ว แต่ที่นั่นผมก็พบกับเบาะแสเกี่ยวโรส คนในบ้านนั้นจดบันทึกเอาไว้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับโรส ในบันทึกบอกว่ามิแรนด้าทำโรสให้กลายเป็นคริสตัล ก่อนจะแยกโรสเป็นส่วนต่าง ๆ ใส่ในโหลและยกให้ผู้นำทั้งสี่คนละโหล 4 โหล จากข้อมูลบอกว่าโรสจะกลับมาอีกครั้งผ่านการทำพิธีที่จะเกิดขึ้น นั่นก็หมายความว่าสิ่งที่ดยุกบอกก็ถูกต้องผมต้องไปหาโหลทั้งหมดมาเพื่อช่วยโรส
เป้าหมายต่อไปคือบ้านริมน้ำตกขนาดใหญ่ แต่ระหว่างทางผมจะเจอสุสานที่มีตุ๊กตามากมายพร้อมภาพหลอนของมีอาที่ตามมาหลอกหลอน เธอคงอยากให้ผมตามหาโรสให้พบ จนมาถึงตัวบ้านที่เต็มไปด้วยตุ๊กตา ที่นั่นผมถูกปลดอาวุธไปจนหมด ก่อนที่จะพยายามหาทางหนีออกมาจากบ้านหลังนั้นพร้อมขวดโหลที่อยู่กับดอนนา เบเนเวนโต้ (Donna Beneviento) ที่นั่นผมต้องแก้ไขปริศนาและต่อสู้กับภาพหลอนของทารกปีศาจที่ตามไล่ล่าผม ระหว่างที่หนีผมก็รับรู้ภาพหลอนของมีอาที่เหมือนเธอจะเก็บความลับอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวผมเอาไว้ แต่ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้วและสิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้ก็คือการช่วยโรส ผมหนีจากทารกผีมาได้จนมาต่อสู้กับเบเนเวนโต้ จะเรียกสู้ก็ไม่เชิงมันคือการเล่นซ่อนหามากกว่า จนผมสามารถฆ่าเธอได้และได้ส่วนขาของโรสมาในที่สุด
เบาะแสต่อไปที่ผมได้รับมาก็ที่อยู่ของชายหลังค่อมที่ชื่อซัลวาตอเร มอโร (Salvatore Moreau) ที่นั่นถ้าไม่นับไอ้มนุษย์หมาป่าที่น่ากลัวตัวนั้น ผมก็แทบไม่เจออะไรเลยจนผมไปถึงห้องของชายหลังค่อมมอโร และเอาขวดโหลส่วนแขนของโรสมาอย่างง่ายดายก่อนจะหนีออกมาได้ ซึ่งระหว่างทางผมก็ได้ข้อมูลมาว่ามนุษย์หมาป่าผีดิบไปจนถึงหมาป่าปีศาจตัวนั้น เกิดมาจากการทดลองของมอโร โดยพวกมนุษย์หมาป่าซอมบี้พวกนั้นถือว่าเป็นการทดลองที่ผิดพลาด ซึ่งตัวของมอโรเองก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่มันยังคงสติความเป็นมนุษย์ได้แม้จะไม่สมประกอบ และข้อมูลที่มอโรบันทึกไว้ยังบอกอีกว่าโรสคือภาชนะที่จะพาลูกที่แท้จริงกลับคืนมา และมันก็ไม่ค่อยชอบโรสกับผมนักเพราะมันคิดว่าผมจะมาแย่งความรักจากมิแรนด้าที่เรียกพวกมันทั้งสี่คนว่าลูก “นี่ผมต้องเจอครอบครัววิปริตอีกแล้วซินะ”
ระหว่างทางที่หนีออกมาผมได้เจอคริสอีกครั้ง เขาห้ามผมมายุ่งกับเรื่องนี้และกันผมออกไปจากเรื่องเหล่านี้ แต่คริสนายลืมไปแล้วหรอว่านายฆ่ามีอาและลักพาตัวโรสไป นายจะให้ฉันนั่งรออยู่ที่บ้านรอให้นายมาช่วยหรอ ไม่ทันจะพูดจบก็มีสัตว์ประหลาดร่างยักษ์มาทำร้ายคริส สมน้ำหน้าขอให้มันไม่ตายดี ผมที่หนีออกมาได้เจอกับมอโรอีกครั้ง คราวนี้มันไม่สวมเสื้อผ้าจนเห็นหลังที่ค่อมของมีเป็นเหมือนลูกตาขนาดใหญ่ดูน่าเกลียดน่ากลัว ก่อนที่มันจะหล่นลงไปในน้ำและแปลงร่างเป็นปลาปีศาจขนาดใหญ่ ผมที่หาทางเปิดเขื่อนลดน้ำก็สามารถฆ่ามันลงได้ “ไปลงนรกซะไอ้ปลาเน่า”
เมื่อปราบมอโรสำเร็จผมก็ได้รับการติดต่อมาจากไฮเซนเบิร์ก(คนถือค้อนอันโต) เขาเสนอตัวช่วยผมให้ร่วมมือกันเพื่อปราบมิแรนด้า แถมเขายังบอกว่าทั้งหมดที่เขาทำคือแผนทั้งการเล่นเกมหนีตายแต่ไม่ปลดอาวุธผมในตอนนั้น รวมถึงเสียงระฆังที่ตีเพื่อช่วยชีวิตผมล้วนมาจากเขาทั้งสิ้น แต่ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือจากเขาเราต้องผ่านการทดสอบ โดยการไปเอาขวดโหลของโรสชิ้นสุดท้ายมาก่อน และระหว่างทางผมก็เจอข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับชายปริศนา ที่เคยหลงทางบนภูเขาเมื่อหลายสิบปีก่อนออกข่าวในหนังสือพิมพ์ ข้อมูลบอกว่ามิแรนด้าไม่ให้คนในหมู่บ้านอ่านหนังสือพิมพ์แต่เขาก็แอบอ่านข่าวต่าง ๆ จากชายขายหมูนอกหมู่บ้าน ที่ในบันทึกจำได้ว่าน่าจะเป็นชายคนนั้นเพราะตราสัญลักษณ์ยาที่ชายคนนั้นยืนอยู่มันคล้ายกับสัญลักษณ์ที่มีบนกำแพงของถ้ำ แต่ผมไม่มีเวลามาคิดเพราะต้องฝ่าฝูงมนุษย์หมาป่าในโบราณสถานจนสามารถเอาโหลส่วนลำตัวของโรสมาได้ ก่อนจะถูกสั่งให้เอาชิ้นส่วนทั้งสี่ไปใส่ที่แท่นบูชาที่ผ่านมา
เมื่อใส่จนครบเรามันก็เปิดทางไปต่อที่โรงงานของไฮเซนเบิร์ก ที่นั่นผมพบห้องทำงานของไฮเซนเบิร์กบนกำแพงมีรูปภาพข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับผมมีอาคริสและทุกคนอย่างละเอียด ดูเหมือนสิ่งที่ไฮเซนเบิร์กพูดจะเป็นความจริง เขาคงเกลียดมิแรนด้ามาก ๆ แต่ตัวของเขาไม่มีพลังมากพอที่จะปราบมิแรนด้า ถึงอยากจะใช้พลังของผมและโรสในการกำจัดมิแรนด้าเพื่อตัวเองจะได้เป็นอิสระ แต่ผมไม่มีวันเชื่อใจปีศาจอย่างพวกมัน แม้มันจะพยายามยื่นข้อเสนอจนขนาดขอร้อง แต่ผมก็พร้อมที่จะเสี่ยงเพื่อไปช่วยโรสตัวคนเดียวดีกว่าจะต้องร่วมมือกับปีศาจที่ผมไม่มีวันไว้ใจ จนไฮเซนเบิร์กหมดความอดทนทิ้งผมให้ถูกปีศาจกึ่งเครื่องจักรกึ่งซอมบี้ไล่ล่าในโรงงานนรกของเขา
ระหว่างการหลบหนีในโรงงานผมเจอกับดยุกที่นี่ พร้อมกับบันทึกของไฮเซนเบิร์กที่ระบายถึงความอัดอั้นคับแค้นใจที่มีต่อมิแรนด้า ซึ่งตนเองโชคดีที่การทดลองของมิแรนด้าในตัวเขาประสบผลสำเร็จต่างกับอื่น ไม่อย่างนั้นคงได้เป็นมนุษย์หมาป่าที่ไร้สติไปแล้ว และการผ่านในโรงงานนรกนี้ผมต้องเจอกับซอมบี้กึ่งจักรกลที่ไฮเซนเบิร์กสร้างเอาไว้ มันคือสิ่งที่คนบ้าเท่านั้นที่ทำได้ และเมื่อไปถึงชั้นบนสุดไฮเซนเบิร์กที่หมดความอดทนกับผม เขาเอาเศษเหล็กมารวมที่ตัวแปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาดร่างใหญ่ก่อนจะส่งผมให้หล่นลงมาที่ก้นโรงงานอีกครั้ง
เมื่อตกลงมาที่นั่นผมเจอกับคริสอีกครั้ง ทำไมมันไม่ตายไปเสียที ผมด่ามันในใจขณะที่คริสก็ด่าผมที่มายุ่งเรื่องนี้
“นายลืมไปแล้วหรอว่านายฆ่ามีอาและพาลูกสาวฉันไป แล้วยังมีหน้าให้ฉันไม่ยุ่งหรอ” ผมตะโกนใส่หน้าคริสด้วยความโมโห
“นั่นไม่ใช่มีอา” คริสบอกจนทำให้ผมงุนงงสับสน
“มีอาที่เรายิงตอนนั้นคือมิแรนด้าปลอมตัวมาเพื่อขโมยลูกสาวนาย พวกเราที่รู้จึงรีบมาจัดการ” คริสอธิบายด้วยท่าทางสุขุมเยือกเย็น
“แล้วทำไมนายไม่บอกฉันก่อน” ผมตะโกนออกไปด้วยความรู้สึกโมโห ถ้าผมรู้จะได้ช่วยมีอาและโรสได้
“มีพลเมืองมาเดือดร้อนมากพอแล้ว และนายก็ไม่ควรมาที่นี่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่หรือเมื่อ 3 ปีก่อนก็มาจากมิแรนด้าทั้งนั้น ฉันเลยไม่อยากให้นายมายุ่ง พวกเราจะจัดการทุกอย่างเอง” คริสตะโกนใส่ผมด้วยความโมโห สิ่งนี้คงสร้างความสะเทือนใจให้เขาไม่น้อย เพราะเมื่อ 3 ปีก่อนตอนที่ไปจับลูคัสเขาก็เสียลูกน้องไปจนหมด
“ฉันไม่สนถ้าเจอมอแรนด้าฉันจะฆ่ามันแล้วช่วยโรสแก้แค้นให้มีอา” ผมโกรธสุดขีดตอนนี้แม้แต่ขุมนรกผมก็จะตามไปฆ่ามันเพื่อช่วยโรส
คริสยิ้มออกมาที่มุมปากเหมือนเขาจะเข้าใจความรู้สึกของผมแล้ว
ที่นั่นผมได้อ่านเอกสารในคอมพิวเตอร์ของคริส ที่บอกว่ามิแรนด้าปลอมตัวมาเป็นมีอาในคืนนั้น เธอคิดจะฆ่าผมทิ้งและเอาโรสไป และการปลอมเป็นมีอาเพื่อจะได้ควบคุมโรสได้แต่แผนก็มาพังเพราะคริส ซึ่งหลังจากที่ถูกยิงตายมิแรนด้าได้ฟื้นและมาฆ่าทุกคนทิ้ง ส่วนผมที่เป็นเหมือนหมากตัวหนึ่งมิแรนด้าจึงไว้ชีวิตผม
คริสมองมาทางผมก่อนจะบอกให้ผมขี่เครื่องจักรติดอาวุธออกไปสู้กับไฮเซนเบิร์ก เครื่องจักรนี้ทำจากโลหะพิเศษที่ที่ไฮเซนเบิร์กควบคุมไม่ได้ ผมที่พร้อมลุยเต็มที่ก็ขับยานยนต์ติดอาวุธไปหาหมอนั่นที่แปลงร่างเป็นหุ่นยักษ์รอผมอยู่ข้างบน จนเกิดเป็นสงครามหุ่นเหล็กที่บอกใครไปก็ไม่มีวันเชื่อ
เมื่อชนะไฮเซนเบิร์กได้มิแรนด้าในร่างมีอาก็ออกมาชื่นชมผมที่สามารถฆ่าลูก ๆ ของเธอลงได้ เพราะเธอเองก็คิดจะกำจัดพวกนี้ทิ้งอยู่แล้ว แต่พอผมมาเธอก็ใช้ผมฆ่าลูก ๆ ของเธอ นั่นคือเหตุผลที่เธอเอาร่างของโรสไปให้ลูกทั้งสี่คนเก็บเอาไว้ เพื่อล่อให้ผมไปฆ่าทุกคนแทนเธอ
“พอไม่มีไฮเซนเบิร์กคุณก็ไม่มีเบาะแสที่จะทำอะไรต่อ” มิแรนด้าในร่างมีอาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงดูถูก “ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันปลอมตัวเป็นมีอาไปอยู่กับคุณ และไม่ต้องเป็นห่วงไปเพราะโรสจะเกิดใหม่เป็นลูกสาวของฉัน” มิแรนด้าเปลี่ยนตัวไปมาระหว่างมีอาและหญิงแก่ที่พบในตอนนั้น “และตอนนี้คุณก็หมดประโยชน์แล้ว” มิแรนด้าควักหัวใจผมออกมา มิแรนด้าบอกว่าเชื้อราที่เธอมีนั้นสามารถเก็บความทรงจำของคนตายได้ และเธอก็ต้องการเลือดผมเพื่อไปร่วมกับความทรงจำในเชื้อรานั้น และที่เธอต้องการร่างโรสไปเพื่อใช้เป็นร่างให้ลูกสาวของเธอ นั่นก็หมายความว่าโรสจะตายส่วนมันสองคนแม่ลูกก็จะฟื้นคืนชีพ ผมพยายามรวบรวมสติแต่ก็ไม่ไหวแล้ว โรส…..
(อ่านต่อหน้าถัดไป)
ตัดมาคริสที่นั่งอยู่ในรถ ชายหนุ่มนั่งดูรูปถ่ายของอีธานที่ถูกฆ่าตาย เขาเสียใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้คือการช่วยลูกสาวของอีธานและจบเรื่องนี้เพราะสามปีที่ตามสืบมาจนพบที่นี่มันนานเกินไปแล้ว
คริสมาถึงที่หมู่บ้านพร้อมกับหน่วย BSAA ที่ก็ส่งทหารอีกหน่วยมาด้วย แต่ก็ถูกต้นไม้ยักษ์ของมิแรนด้าทำลาย แต่ด้วยความเทพของคริสเขาจึงสามารถบุกเข้าไปในหมู่บ้านได้ด้วยการสนับสนุนของทีม โดยครั้งนี้เขาจะขอลุยคนเดียวเพราะไม่อยากเห็นลูกน้องต้องมาสังเวยชีวิตกับเรื่องแบบนี้อีก
ที่ชั้นใต้ดินของหมู่บ้านคริสเจอกับทารกยักษ์ที่ถูกเรียกว่าเมกะไมซีต ซึ่งเป็นต้นตอของพลังที่มิแรนด้ามี ทางหน่วยก็ต้องการให้คริสระเบิดที่นี่ทิ้งตอนนี้ แต่คริสไม่อยากเสี่ยงเขาขอไปฆ่ามิแรนด้าด้วยตัวเองเพื่อจบทุกอย่าง และที่นั่นคริสได้พบห้องทดลองของมิแรนด้าจนพบความจริงที่ว่า มิแรนด้าคือคนที่มีชีวิตเมื่อ 100 ปีก่อน เธอเสียลูกสาวไปเพราะไข้หวัดสเปน ก่อนที่เธอจะฆ่าตัวตายเธอได้ไปเจอเชื้อราเมกะไมซีต(ทารกยักษ์) เข้า และเชื้อรานี้ก็บันทึกความทรงจำต่าง ๆ ของคนที่ตายแล้วเอาไว้ มิแรนด้าจึงมีความทรงจำของผู้คนจึงเริ่มทดลองเชื้อรา จนสามารถสร้างตัวอ่อนที่เรียกว่า ‘Cadou’ ทารกปีศาจขึ้นมาได้ โดยเป้าหมายของเธอก็คือการหาร่างที่จะเหมาะแก่การชุบชีวิตลูกสาวขึ้นมาได้ และทั้งสี่คนไม่ซิคนทั้งหมู่บ้านคือเหยื่อการทดลองของเธอ
และในข้อมูลยังบอกถึงเรื่องที่น่าตกใจมากไปกว่านั้น เพราะครั้งหนึ่งมิแรนด้าได้ขายเชื้อราให้องค์กรหนึ่งไป แถมเธอยังเป็นหนึ่งในคนที่ร่วมวิจัยทดลองในครั้งนั้นด้วย จนทางนั้นได้สร้างตัวทดลองที่ล้มเหลวชื่อเอเวอลีนขึ้นมา จนเมื่อเวลาผ่านไปมิแรนด้าก็ทราบเรื่องของคนที่ติดเชื้อราแต่ก็รอดชีวิตจนมีลูกสาว มิแรนด้าจึงรู้ทันทีว่าลูกของอีธานคือร่างที่เหมาะสำหรับลูกสาวของเธอ และที่น่าตกใจกว่านั้นคริสได้พบจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนมาหามิแรนด้าเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นจดหมายขอบคุณที่ช่วยชีวิตเขาจากภูเขาในตอนนั้น และยังสอนเขาเกี่ยวกับการทดลองต่าง ๆ มากมาย จนเขาสามารถเอาไปต่อยอดเพื่อการเปลี่ยนโลกใบนี้ แต่เชื้อราที่มิแรนด้ามีไม่ใช่สิ่งที่ชายคนนี้ต้องการ เขาไปค้นพบดอกไม้พิเศษที่สามารถเปลี่ยนโลกใบนี้ได้ตามที่เขาหวัง และอีกไม่นานเขาจะตั้งบริษัทยาที่ชื่อว่า ‘Umbrella Corporation’ พร้อมกับลงท้ายชื่อว่าออซเวล อี สเปนเซอร์ (Ozwell E. Spencer) นี่คือคำตอบของทุกสิ่ง มิแรนด้าคืออาจารย์ของสเปนเซอร์
ที่นั่นคริสได้พบกับมีอาตัวจริงเธอยังไม่ตายแต่ถูกมิแรนด้าจับมาทดลองที่นี่ เมื่อพบกับเธอคริสก็บอกข่าวร้ายว่าอีธานตายไปแล้ว แต่มีอาไม่มีทีท่าตกใจเธอแค่บอกกับคริสว่าตัวของอีธานพิเศษกว่านั้น
“ที่นี่ที่ไหน” ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางความมืดและหนาวเย็น ตรงหน้าผมคือเด็กสาวที่รู้จักเมื่อ 3 ปีก่อนเธอคือเอเวอลีน
“คุณไม่ควรมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ” เด็กสาวพูดกับผม เธอหัวเราะไปพูดไป
“หมายความว่ายังไงตาย คนที่ตายคือเธอต่างหาก” ผมเถียงสุดใจเพราะตอนนั้นคนที่ลั่นไกฆ่าเธอก็คือผม
“ฉันตาย หรือคุณตายกันแน่คิดดี ๆ เมื่อสามปีก่อนที่บ้านเบเกอร์คุณตายไปแล้ว แต่ที่คุณยังมีชีวิตอยู่เพราะฉันที่ให้คุณอยู่ และตอนนี้ตัวของคุณก็เต็มไปด้วยเชื้อรา ตอนนี้คุณตายไปแล้วเชื้อราในตัวคุณกำลังจะตาย” เอเวอลีนบอกกับผม
“เป็นไปไม่ได้” ถ้าอย่างนั้นที่ผมต่อแขนขาได้ก็ไม่ได้มาจากน้ำยาแต่มาจากความสามารถของผมเอง ถ้าอย่างนั้นที่มีอาหมายถึงคือเรื่องนี้เองหรอ
ถึงจะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ตอนนี้วินาทีนี้ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น ผมแค่ต้องการไปช่วยครอบครัว จะเป็นหรือตายจะอะไรก็ช่างมันขอให้ครอบครัวปลอดภัยไว้ก่อน ผมรวบรวมพลังที่มีต่อสู้กับตัวเองจนได้สติกลับมาอีกครั้งบนรถของดยุก
ดยุกที่ดูเหมือนจะไม่แปลกใจที่เห็นผมเป็นแบบนี้ เหมือนเขาจะรู้ทุกอย่างเป็นอย่างดีแต่ไม่บอกผม เขาถามผมว่าจะเอาอย่างไรต่อไป แต่เหมือนเขาจะรู้คำตอบดีว่าผมจะเลือกทางไหน
“ครั้งนี้คุณอาจจะไปแล้วไม่ได้กลับมาอีกนะคุณวินเทอร์ส” ดยุคบอกกับผมด้วยความเป็นห่วง
“ผมรู้ ครั้งนี้ผมเป็นหนี้คุณดยุก” ผมขอบคุณเขาที่มาส่งที่ซึ่งมิแรนด้าอยู่ เธอกำลังทำพิธีเพื่อจะชุบชีวิตลูกสาวของเธอขึ้นมา
“เป็นไปไม่ได้” มิแรนด้าตะโกนออกมาเมื่ออุ้มโรสออกมาจากบ่อน้ำสีดำเพื่อจะทำพิธี แต่ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรมิแรนด้าก็รู้สึกถึงพลังที่หายไป แปลว่าโรสแข็งแกร่งกว่ามิแรนด้ามากมายอย่างที่ไฮเซนเบิร์กบอก ซึ่งก็แปลว่าโรสได้ชิงพลังของมิแรนด้าไปจนหมดอีกด้วย ตอนนี้มิแรนด้าไร้ซึ่งพลังไม่ต่างจากปีศาจที่กำลังใกล้ตาย
ผมเข้าไปต่อสู้กับมิแรนด้าในร่างปีศาจจนสามารถฆ่ามิแรนด้าและช่วยโรสออกมาได้ในที่สุด เพราะถ้าช้าไปกว่านี้อีกเพียงก้าวเดียวโรสอาจจะถูกเปลี่ยนเป็นเอวาลูกสาวของแรนด้าไปแล้วก็ได้
ผมช่วยโรสได้สำเร็จเด็กน้อยยิ้มให้ผมในอ้อมกอด แต่ร่างกายของผมก็มาถึงสุดขีดแล้ว อีกไม่นานก็คงจะตายไปแต่ผมเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว
“อีธาน” ขอบคุณพระเจ้าเสียงคริสที่วิ่งมาหาผม
คริสพาผมหนีออกมาพร้อมโรสแต่ผมคงไปได้อีกไม่ไกล มือของผมเริ่มแตกเป็นผงแบบที่พวกบ้านเบเกอร์เป็นตอนตาย แถมตัวอ่อนเมกะไมซีตก็เริ่มมารวมตัวกันเพื่อฆ่าพวกเรา แต่คริสได้ติดตั้งระเบิดไว้แล้วเพียงแค่กดปุ่มเมื่อออกมาห่างจากรัศมีระเบิด ทุกอย่างก็จะจบสิ้นทั้งเชื้อราและหมู่บ้าน แต่ผมคงไม่มีเวลาอยู่จนถึงตอนนั้นหรอก
ผมที่รู้ว่าตัวเองคงไม่รอดจึงถอดเสื้อตัวเองห่มร่างโรสให้อบอุ่น แล้วให้คริสพาโรสหนีไปส่วนผมจะอยู่กดระเบิดเอง
“ลาก่อนลูกรัก” ผมพูดกับโรสเป็นครั้งสุดท้าย แววตาของโรสที่มองมาทางผมมันคือแววตาของเด็กไร้เดียงสาที่ไม่รู้เลยว่าทั้งหมดนี้มันเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอโตไปทุกคนคงจะเล่าเองว่าพ่อคนนี้รักลูกขนาดไหน จงเติบโตขึ้นมาอย่างเข้มแข็งพ่อรักลูกโรส
คริสพาโรสมาถึงเครื่องบินที่มีอารออยู่
“อีธานอยู่ที่ไหน” มีอาที่เห็นเสื้อของอีธานบนร่างของโรสจึงถามคริส
เสียงระเบิดดังกึกก้องระเบิดร่างทารกปีศาจไปพร้อมกับหมู่บ้าน คงไม่มีใครต้องมาเดือดร้อนเพราะเชื่อราปีศาจนี้อีก
มีอาที่เห็นแรงระเบิดก็ทราบทันทีว่านั่นการเสียสละของสามีเธอ ขณะที่คริสเองก็เจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้จึงได้แต่โทษตัวเองที่คิดว่าจะต้องไม่มีใครมาตายอีกแล้ว และการดึงอีธานมาร่วมด้วยในตอนนั้นก็เท่ากับเขาเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้อีธานตาย
ไม่ทันที่จะเสียใจลูกน้องของคริสจะบอกว่าหน่วยทหารที่ BSAA ส่งมาในตอนนั้น(ที่ถูกต้นไม้ยักษ์ทำลาย) มันคือพวกซอมบี้ไม่ใช่ทหาร ซึ่งมันน่าสงสัยมาก ๆ นี่ยังไม่นับการปิดบังการตรวจร่างกายของอีธานที่ BSAA ปิดบังเอาไว้จนตอนนี้คริสไม่รู้แล้วว่าใครคือมิตรหรือศัตรู
วันเวลาผ่านไปไม่รู้จะนานเท่าใดไม่ทราบแน่ชัด แต่สิ่งที่เห็นตอนนี้คือโรสแมรี่โตเป็นสาวเรียบร้อย เธอสวมเสื้อตัวเดียวกับที่พ่อของเธอให้ในตอนนั้น เด็กสาวนั่งรถเมล์มาพร้อมดอกไม้เพื่อมาเคารพหลุมศพพ่อของเธอ เพราะวันนี้คือวันเกิดของอีธาน เด็กสาวพูดคุยกับหลุมศพของพ่อเหมือนไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาที่นี่ ก่อนจะมีรถมารับพร้อมชายชุดดำที่ตามดูแลเธอ ซึ่งดูเหมือนเด็กสาวจะรู้การมาถึงอยู่ก่อนแล้ว และเมื่อโรสมาถึงชายชุดดำก็พูดเป็นเชิงหยอกเล่นว่าเอเวอลีน ซึ่งนั่นทำให้เด็กสาวโกรธมาก ๆ เธอขู่ชายที่มารับว่าเธอมีความสามารถที่แม้แต่พ่อและคริสก็ไม่รู้อยู่
เด็กสาวถอนหายใจแรง ๆ ดูเหมือนเธอจะกลัวการใช้พลังที่อยู่ในตัว
ทั้งคู่ขึ้นรถก่อนที่ชายคนนั้นจะรู้สึกผิดและพูดกับโรสว่า “คุณเหมือนเขามากรู้ไหม”
เด็กสาวยิ้มอย่างพอใจ “ใช่ฉันรู้” ก่อนที่รถจะวิ่งจากไปบนถนนพร้อมกับร่างเงาของชายคนหนึ่งที่ยืนรออยู่ จบ.
ก็จบกันไปแล้วกับการสรุปเนื้อเรื่องเกม ‘Resident Evil Village’ หวังว่าจะถูกใจกัน เพราะนอกจากจะอธิบายเนื้อเรื่องแล้ว ยังได้รวบรวมเอกสารต่าง ๆ ที่อยู่ในเกมมารวบรวมในบทบรรยายในเกมด้วย เพื่อให้คนที่ไม่ได้เล่นหรืออาจจะข้ามเอกสารต่าง ๆ ไปได้เข้าใจเนื้อหาหรือช่องว่างที่เกมไม่ได้บอกเราตรง ๆ มากขึ้น ชอบไม่ชอบอย่างไรก็บอกกันมาได้ ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรก็ติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส