[รีวิวเกม] Sea of Stars จดหมายรักถึงแฟน RPG ยุค 90S ที่สนุกแต่ไม่เหมาะกับทุกคน
Our score
9.0

Sea of Stars

จุดเด่น

  1. เกมเพลย์ RPG แบบคลาสสิกที่สนุกลงตัว
  2. งานออกแบบฉากดีงาม มีอะไรให้ทำมากมาย

จุดสังเกต

  1. ยังคงเป็นเกมเฉพาะกลุ่มไม่ได้เหมาะกับทุกคน

เชื่อว่าสัมผัสแรกที่เห็น Sea of Stars แฟนเกมยุค 90S ที่โตมากับเกม RPG คลาสสิกอย่าง Chrono Trigger ต้องตื่นเต้น เพราะมันมีความคล้ายกันมากรวมทั้งผู้สร้างเองก็บอกว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจแบบเต็ม ๆ ทำให้เชื่อว่ามีคนนั่งนับวันรอคอยที่จะได้เล่น

เหตุผลก็ง่าย ๆ เพราะว่า Chrono Trigger เป็นหนึ่งในตำนานของวงการเกมแนว RPG เพราะเป็นการรวมตัวกันของทีมงานเทพผู้สร้าง Final Fantasy และ Dragon Quest จับมือกันสร้างเป็นครั้งแรก (และครั้งเดียว) ออกมาเป็นเกม RPG ระดับตำนานที่ยอดเยี่ยมในทุกส่วนจนอยากให้มีการรีเมกใหม่ แต่มันก็ไม่เคยถูกสร้างออกมามีเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น ทำให้การมาของ Sea of Stars เหมือนเป็นตัวแทนสิ่งที่แฟน ๆ อยากเล่นมานาน

ส่วนเรื่องราวในเกมจะไม่ได้เกี่ยวข้องหรือคล้ายกับเกมที่มันพยายามเดินรอยตาม เพราะมันมีความเป็นของตัวเองเนื้อเรื่องจะเล่าผ่าน 2 ตัวเอกที่เป็น Children of the Solstice ที่ต้องออกเดินทางเพื่อเป้าหมายรวมพลังของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เข้าด้วยกันเพื่อทำ Eclipse Magic ที่เป็นหนทางเดียวในการต่อสู้กับสิ่งที่ตัวร้ายอย่าง The Fleshmancer ได้สร้างไว้

กราฟิกแบบพิกเซลที่เต็มไปด้วยรายละเอียด

ในเมื่อผู้สร้างบอกว่ามันมาแนวย้อนยุคแบบเกมยุค 90S ภาพใน Sea of Stars ก็นำเสนอแบบพิกเซลแบบที่ในอดีตนิยมใช้กัน แต่ที่ต้องชมคือทีมงานใส่ใจในการสร้างฉากมาก เรียกว่าทุกส่วนในฉากเต็มไปด้วยรายละเอียดที่สวยงาม มีการเคลื่อนไหวแทบทุกจุดและสวยงามกว่าเกมในอดีตพอสมควรมีการเล่นแสงเงาแบบจัดเต็ม เชื่อว่าแฟนเกมแนวย้อนยุคต้องชอบแน่นอน

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนสร้างคัตซีนที่เป็นการ์ตูนแอนิเมชัน ใส่เข้ามาแทรกตลอดแม้จะเป็นคลิปสั้น ๆ แต่ก็ถือว่าช่วยในการเล่าเรื่องได้ดีแม้ว่ามันจะไม่มีเสียงพากย์ก็ตาม แต่ก็พอจะเข้าใจในแนวทางการสร้างเกมย้อนยุค การเล่าเรื่องเน้นการอ่านตัวอักษรร่วมกับการ์ตูนที่ไม่มีเสียงพากย์แบบนี้ถือว่าเป็นการยำรวมได้ลงตัวมาก

ส่วนจุดเด่นอีกอย่างคือเพลงประกอบที่ได้ทีมงานเก่าที่ร่วมแต่งเพลงในเกม Chrono Trigger อย่าง ยาสุโนริ มิตสุดะ (Yasunori Mitsuda) มาร่วมทำดนตรีในเกม Sea of Stars ทำให้มันพอจะมีกลิ่นอายของความคลาสสิกอยู่ มีเพลงเพราะติดหูอยู่หลายเพลงแต่บอกตรง ๆ ว่ายังไม่สามารถเทียบกับต้นฉบับได้แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าเกม RPG ยุคใหม่

เกมเพลย์ RPG เทิร์นเบสคลาสสิกแบบผสมผสาน

รูปแบบการเล่นก็ตามเจตนารมณ์ของผู้สร้างที่มาแนว RPG เทิร์นเบสแบบใส่คำสั่งแล้วผลัดกันโจมตีที่นำเสนอมุมกล้องแบบ 2 มิติ ที่เข้าใจง่ายมาก ผู้เล่นจะบังคับเดินไปในฉากหลักที่เป็นหมู่บ้านหรือดันเจี้ยนเพื่อทำภารกิจ ส่วนฉากต่อสู้จะไม่มีการตัดเข้าฉากจะสู้บนฉากหลักเลยซึ่งก็ทำออกมาได้ดีเหมือนเกมยุค 90S ทั้งเกมเพลย์และความยากที่ใส่เข้ามาพอสมควร นอกจากนี้เกมยังใส่ระบบแผนที่แบบย่อส่วน ที่ตัวละครของเราจะถูกย่อลงจนเหลือตัวเล็กจิ๋วและจะเดินสำรวจจุดบนแผนที่ ทำให้โดยรวมมันยิ่งเหมือนกับ Chrono Trigger เข้าไปอีก

แต่ความโดดเด่นสุด ๆ คือระบบการต่อสู้ที่มีการนำรูปแบบของ Super Mario RPG เข้ามายำรวมได้ลงตัว โดยเป็นการกดปุ่มตามจังหวะและจะใช้ปุ่มเดียวทำให้เข้าใจง่ายมาก ซึ่งผู้เล่นจะต้องกดปุ่มให้พร้อมกับการโจมตีของตัวละคร ซึ่งหากทำได้สำเร็จแล้วจะส่งผลให้อัดศัตรูได้แรงมากขึ้น รวมทั้งยังกดเพื่อป้องกันการโจมตีได้ด้วย ทำให้เราจะนั่งเฉย ๆ ไม่ได้ต้องตื่นตัวตลอดการเล่น

ส่วนการใช้ท่าไม้ตายถือเป็นจุดเด่นเช่นกัน เพราะมีการกดปุ่มที่ซับซ้อนกว่าการโจมตีธรรมดาเช่นการกดปุ่มค้างไว้เพื่อชาร์จพลังแล้วปล่อยให้ถูกจังหวะจะส่งผลให้โจมตีศัตรูได้หลายตัวพร้อมกันอย่างรุนแรง หรือการกดปุ่มให้ตรงจังหวะกับการปล่อยท่าไม้ตาย ซึ่งหากกดได้ตรงกับที่เกมกำหนดจะสามารถทำคอมโบโจมตีแบบรัว ๆ ได้ ถือว่าเป็นข้อดีเพราะมันมีความท้าทายในการเล่นเพิ่ม ส่วนบอสในเกมก็จัดเต็มด้วยความโหด แต่หากจับจังหวะและโจมตีจุดอ่อนมันได้ก็จะสามารถผ่านไปได้ไม่ยาก

ฉากในเกมซับซ้อน มีการผสมผสานระบบที่หลากหลาย

อีกส่วนที่ทำให้เกมสนุกมากขึ้นคือฉากที่ยังผสมความเป็น Zelda ภาค 2 มิติเข้าไป ซึ่งต้องชื่นชมทีมงานเพราะมันเป็นแนวเกมที่ไม่ได้สร้างให้สนุกง่าย ๆ แต่ทีมงานสามารถสร้างฉากที่เต็มไปด้วยปริศนาที่โดดเด่น ต้องใช้หัวคิดพอสมควรแต่ก็ไม่ได้ซับซ้อนจนเกินไป นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการใช้ไอเทมเพื่อเปิดทางไปต่อเช่นการใช้เชือกที่มาพร้อมกับตะขอไว้เกี่ยวเพื่อพุ่งตัวข้ามสิ่งกีดขว้างได้ หรือใช้พลังลมเพื่อผลักสิ่งของหรือใช้บังคับแพบนน้ำได้ ซึ่งมีความคล้ายกับ Zelda แบบตั้งใจ

นอกจากนี้ยังมีการใส่แอ็กชันในฉากเช่นการกระโดดข้ามพื้นผิวได้ และยังมาพร้อมกับการปีนป่ายไปยังที่สูงซึ่งทำได้มากกว่าเกมในอดีตด้วย และยังเสริมด้วยระบบทำอาหารที่ใช้วัตถุดิบที่เก็บหรือซื้อมาเพื่อทำของกินเติมพลังแต่เก็บได้จำกัดทำให้น่าหงุดหงิดไปบ้าง แต่ส่วนที่ทำให้เกมเล่นลื่นไหลไม่มีสะดุดคือระบบอัปเกรดตัวละครที่ใช้เลเวลเหมือนกับแนว RPG ทั่วไป แต่จะเมื่อเก็บค่าประสบการณ์ถึงที่เกมกำหนดแล้วตัวละครทั้งทีมจะเลเวลขึ้นพร้อมกันเป็นกลุ่ม และจะเลือกเพิ่มเติมค่าพลังในส่วนต่าง ๆ ได้ ที่คล้ายกับ Mario RPG

อย่างไรก็ตามหากคิดว่ายากเกินไปมีระบบช่วยให้เกมเพลย์ง่ายขึ้นเช่นการฟื้นคืนพลัง HP หรือ MP โดยตัวช่วยนี้จะซื้อได้ในร้านค้าในราคาไม่แพงแล้วนำไปเปิดใช้งานในระบบเมนู แต่แนะนำว่าไม่ควรใช้ทั้งหมดเพราะจะทำให้มันง่ายเกินไปหน่อย แต่การใส่มาก็เป็นเรื่องดีสำหรับมือใหม่ที่ไม่ถนัดแนว RPG แบบคลาสสิกและเหมือนการพบกันครึ่งทางของยุคเก่าและยุคใหม่

แต่ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีข้อเสียเพราะเกม Sea of Stars อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะแม้เกมเพลย์จะมีความรวดเร็วลื่นไหลกว่าเกมในอดีต แต่โดยรวมรูปแบบการเล่นยังคงเดินตามแนวทางคลาสสิกที่ต้องใส่คำสั่ง แถมยังต้องกดปุ่มตามจังหวะทำให้แฟนเกมรุ่นใหม่ที่ชอบอะไรหวือหวารวดเร็วอาจจะไม่ชอบ แต่หากคุณเป็นแฟนตัวยงของ Chrono Trigger มันถูกสร้างมาเพื่อคุณโดยเฉพาะแม้ความสนุกจะยังไม่เทียบเท่าแต่ก็ทำออกมาได้ดีกว่าที่คาดไว้เช่นกัน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส