รีวิวเกม Pokemon Legends: Arceus ปฏิวัติเกมโปเกมอนสู่โลกกว้าง
Our score
8.5

Pokemon Legends: Arceus

จุดเด่น

  1. โลกกว้าง ๆ เป็นครั้งแรกของซีรีส์ Pokemon
  2. เกมเพลย์ปรับให้เข้าถึงง่ายและทันสมัย

จุดสังเกต

  1. กราฟิกตกยุคไปมาก
  2. ระบบต่อสู้กับบอสที่ดูธรรมดาไปหน่อย

หลังจากเปิดตัวเกม Pokemon Legends: Arceus ก็เรียกเสียงฮือฮามาตลอด เพราะมันเป็นครั้งแรกที่โลกของซีรีส์ Pokemon ได้รับการปฏิวัติครั้งใหญ่ เพราะได้เปลี่ยนรูปแบบการเล่นไปหลายส่วน เพราะในตัวอย่างที่ปล่อยออกมาแสดงให้เห็นโลกกว้าง ๆ แบบ 3 มิติที่เปิดให้เราได้สำรวจได้คล้ายกับเกม Zelda: Breath of the Wild

ถือว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้ไม่น่าแปลกใจว่ามันจะได้รับความสนใจมากที่สุดในรอบหลายปี โดยเรื่องราวในภาคนี้จะเกิดในนภูมิภาค ฮิซุย (Hisui) ที่เหมือนเป็นโลกในยุคอดีตที่จำลองมาจากญี่ปุ่นโบราณ ที่ตัว Pokemon กับมนุษย์อยู่ร่วมกัน อย่างไรก็ตามคนในโลกนี้ยังคงไม่ได้ทำความคุ้นเคยกับตัว Pokemon ทำให้เราต้องออกค้นหาและศึกษากันตลอดเกม ทำให้มันเหมือนเป็นการย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นของตำนานการจับ มอนสเตอร์ กันเลย

ส่วนเรื่องราวใน Pokemon Legends: Arceus เริ่มมาเราจะต้องสร้างตัวละครเหมือนกับภาคก่อน ๆ โดยจะเลือกเพศของตัวละคร และกำหนดรูปลักษณ์ได้แต่ไม่ละเอียดนัก โดยตัวเอกจะถูกนำพาเข้าสู่ดินแดนใหม่ด้วยรูปแบบที่ดูธรรมดาไปหน่อย แต่ก็เข้าใจได้ว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นส่วนสำคัญเท่ากับเรื่องราวที่ภาคนี้จะจัดเต็มและมีอะไรให้เราประหลาดใจไปตลอดการเล่น

กราฟิกคือจุดด้อยของเกม

แน่นอนว่าภาพของซีรีส์นี้มันไม่ใช่จุดเด่นอยู่แล้วทำให้ผู้สร้าง Pokemon Legends: Arceus ทำออกมาตกยุคมากตั้งแต่ตัวอย่างแรกถูกปล่อยมันก็โดนวิจารณ์มาตลอด และเมื่อได้สัมผัสตัวเกมจริง ๆ ก็บอกเลยว่ามันก็เลวร้ายเหมือนกับในตัวอย่าง เพราะโลกในเกมทั้งขายรายละเอียดและยังโล่ง ๆ ดูเหมือนเกมเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แถมงานออกแบบตัวละครก็เรียบ ๆ บอกตรง ๆ ว่าภาพของภาคที่ออกมาก่อนหน้านี้อย่าง Pokemon Sword และ Shield ยังดูดีกว่าด้วยซ้ำ จนไม่น่าเชื่อว่ามันเป็นเกมที่วางขายในปี 2022

กราฟิกแม้จะเอาไปเทียบกับเกมที่ออกบน Switch ด้วยกันและมีโลกกว้าง ๆ อย่าง Zelda: Breath of the Wild ยังไม่สามารถเทียบได้เลย ก็พอเข้าใจว่ามันมีฉากที่กว่าภาคอื่น และยังสามารถสำรวจได้ทั่วจริง ๆ แต่ก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้ ดังนั้นหากคุณหวังว่าจะหาอะไรสวยงามในเกมก็บอกเลยว่าต้องผิดหวังแน่ ส่วนเพลงและเสียงประกอบมีอะไรให้ประหลาดใจอยู่บ้าง เพราะดนตรีในเกมดูสงบเงียบเน้นเพลงเข้ากับโลกที่มีความกว้างมีธรรมชาติที่ดูแปลกตาและภูมิประเทศหลากหลาย และมีความคล้ายกับ Breath of the Wild อยู่ในหลายจุด อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีเสียงพากย์เหมือนกับ Pokemon ภาคก่อน ๆ เหมือนเดิม โดยรวมภาพและเสียงของ Legends: Arceus ยังคงดูตกยุคไปมาก

เกมเพลย์คือจุดเด่น

อย่างที่รู้กันว่า Pokemon Legends: Arceus ที่ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงซีรีส์เกมเก่าแก่ที่มักจะใช้รูปแบบเดิม ๆ มายาวนานให้มีความสดใหม่มากขึ้น โดยหลัก ๆ เราต้องเดินทางสำรวจภูมิภาคฮิซุยที่กว้างใหญ่ แต่แผนที่จะไม่ได้รวมเป็นหนึ่งจะแบ่งเป็นโซนคล้ายกับ Monster Hunter ที่จะค่อย ๆ ปลดล็อกออกมาเมื่อเราทำเนื้อเรื่องและอัปเกรด Rank ตัวละคร ที่จะมีภารกิจหลักและย่อยรอให้เราทำอยู่ และจะมีฐานหลักเป็นเมืองใหญ่ที่จะต้องกลับมารายงานความคืบหน้าในการสำรวจด้วย และแน่นอนว่ามันไม่มีระบบยิมเหมือนกับภาคก่อน ๆ ด้วย

ความโดดเด่นอยู่ที่ปรกติแล้วการพบเจอตัว Pokemon จะต้องตัดเข้าฉากต่อสู้แต่ใน Legends: Arceus จะเห็นเป็นตัวบนแผนที่เลย และผู้เล่นสามารถใช้ Pokeball โยนไปจับได้เลยแบบเกมแอ็กชัน แน่นอนว่ามันต้องมีตัว Pokemon ที่ไม่ยอมให้จับง่าย ๆ เพราะหากมันมองเห็นเราแล้วจะไม่สามารถจับในรูปแบบนี้ได้ ดังนั้นหากไม่อยากต่อสู้ก็ต้องลอบเร้นเช่นการหลบในทุ่งหญ้าแล้วปาบอลใส่ หรือใช้ไอเทมช่วยที่มีหลายอย่างมาจากภาค Pokemon GO ด้วย ถือว่าส่วนนี้ทำออกมาได้ดีและแปลกใหม่

ฉากต่อสู้ยังต้องใส่คำสั่งเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตามระบบการต่อสู้ของเกมยังคงต้องใส่คำสั่งแบบเทิร์นเบส ที่เมื่อผู้เล่นต้องต่อสู้กับตัว Pokemon ในป่า เราจะต้องเลือก Pokeball ที่มีตัว Pokemon ของเราอยู่แล้วปาใส่ แต่ความดีงามคือมันจะไม่มีการตัดเข้าฉากต่อสู้อีกแล้ว เราจะสู้กันบนฉากหลักเลย และผู้เล่นสามารถเดินได้อย่างอิสระด้วย และยังมีรูปแบบการโจมตีที่หลากหลายกว่าเดิม เพราะเราสามารถเลือกสไตล์ในการโจมตีที่แบ่งเป็น Agile Style และ Strong Style ซึ่งมันจะส่งผลที่แตกต่างกันด้วย

โดยระบบต่อสู้แบบนี้ ถือว่าเป็นการพบกันครึ่งทางและมันลงตัวมาก เพราะมันไม่ทิ้งรูปแบบเดิมที่เป็นระบบเทิร์นเบสที่เข้าใจง่ายและใช้มายาวนาน แต่ก็ปรับให้ดูไม่เชยและมีความรวดเร็วในการเล่นมากขึ้น อีกทั้งยังมีความแปลกใหม่เพราะตัว Pokemon ในฉากจะสามารถโจมตีผู้เล่นที่เป็นมนุษย์ได้โดยตรงด้วย และหากโดนโจมตีจนพลังหมดก็จะตายได้เช่นกัน

และหากเราพลาดโดนโจมตีจนพลังหมดจนต้องกลับไปเริ่มที่จุดตั้งแคมป์ ทำให้ผู้เล่นต้องเลือกดี ๆ ว่าจะจับหรือจะต้องหลบหนี เพราะในฉากมี Pokemon ที่แบ่งระดับด้วยเลเวล และมีตัวที่อัปเกรดค่าพลังจนน่ากลัวเชื่อว่าเราต้องหนีมากกว่าสู้แน่ และยังมีฉากที่เป็นอุปสรรคเช่นแม่น้ำที่เราจะว่ายน้ำไม่เป็นและจะจมน้ำหากพลาดตกลงไป หรือการตกจากที่สูงก็ทำให้พลังลดจนตายได้ และยังมีแอ็กชันใหม่ ๆ เช่นการกลิ้งตัวหลบที่จำเป็นอย่างมากต่อการเล่น ถือว่าทำให้เกมเพลย์ของซีรีส์เก่าแก่กว่า 25 ปีมีอะไรแปลกใหม่ และเชื่อว่ามีแฟนเกมอยากให้ทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว

ฉากกว้างมีอะไรให้ทำมากมาย

ฉากใน Pokemon Legends: Arceus คือโลกที่กว้าง ที่กราฟิกอาจจะขาดรายละเอียด แต่ก็เต็มไปด้วยสิ่งที่ให้เราทำมากมายนอกจากการจับและต่อสู้กับ Pokemon ป่าแล้วผู้เล่นต้องสำรวจเพื่อหาไอเทมไปผสมของที่สร้างได้ทั้งยาเติมพลัง และ Pokeball รวมทั้งไอเทมที่ช่วยให้เราหลอกล่อตัว Pokemon มาจับได้ง่ายขึ้นด้วย ส่วนการเก็บของเราก็ใช้ตัว Pokmeon ที่มีไปช่วยเก็บได้ด้วย ในกรณีที่ผู้เล่นไม่สามารถเก็บได้เช่นการเขย่าต้นไม้เพื่อเก็บผลไม้ ที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน

และอีกส่วนที่เป็นจุดเด่นที่เรียกเสียงฮือฮาได้ตั้งแต่ตัวอย่างแรกคือตัว Pokemon ที่สามารถใช้เป็นยานพาหนะที่ช่วยให้เราท่องดินแดนกันกว้างใหญ่ได้เร็วขึ้นมาก และบางตัวสามารถบินได้หรือลงไปว่ายในน้ำได้ ซึ่งความดีงามคือมันยังมีความสามารถที่หลากหลายเช่นบางตัวจะกระโดดได้ด้วย หรือมีความสามารถดมกลิ่นเพื่อไปขุดหาไอเทมที่ซ่อนอยู่ได้ ส่วนการเรียกออกมาก็ทำได้ง่ายดายเพียงแค่กดปุ่มเดียว ถือว่าเป็นส่วนดีที่ช่วยให้การสำรวจโลกทำได้ลื่นไหลมากขึ้น

โดยแต่ละส่วนของเกมที่แบ่งออกเป็นฉากที่มีภูมิประเทศที่แตกต่าง ยังมีบอสที่เป็น Pokemon ทรงพลังที่รอให้เราไปต่อสู้ด้วยรูปแบบที่อาจจะดูแปลก ๆ หน่อยเพราะต้องโยนถุงไปใส่มัน ฟังดูตลกแต่ก็ไม่ได้ง่าย ๆ เพราะบอสแต่ละตัวจะมีรูปแบบการโจมตีที่แตกต่าง ทำให้เราต้องใช้ความสามารถในการเล่นเกมแอ็กชันด้วยถึงจะสามารถผ่านไปได้ ส่วนระบบแลกเปลี่ยนตัว Pokemon ก็ยังคงมี อย่างไรก็ตามมันมีข้อเสียที่ไม่มีระบบการต่อสู้กันระหว่างผู้เล่นแบบมัลติเพลเยอร์ด้วย ถือว่าน่าผิดหวังไม่น้อยเพราะมันเป็นจุดเด่นของซีรีส์มาตลอด 25 ปี

สรุปแล้ว Pokemon Legends: Arceus คือความพยายามของผู้สร้างที่ทำให้ซีรีส์เกมเก่าแก่ ที่เริ่มมีการพัฒนาขึ้นในทางที่ถูกที่ควร ทำให้การออกไปไล่จับตัว Pokemon มีความสดใหม่และท้าทายมากกว่าเดิม แฟนเกมรุ่นเก่าอาจจะต้องปรับตัวหน่อย แต่รับประกันว่ามันยังคงความคลาสสิกที่ผสมผสานกับของใหม่ได้ลงตัวมาก ส่วนแฟนรุ่นใหม่อยากลองก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้เข้าสู่โลกของ Pokemon เป็นครั้งแรก